BTS โบรกให้เป้า13.50บาท
ในบทวิเคราะห์ มองว่า การที่ราคาหุ้น บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ หรือ BTS ปรับตัวลงมาช่วงสองเดือนล่าสุด (ลดลง 12% และมีผลตอบแทนน้อยกว่าตลาด 3%) ในมุมมองของเรา ประเด็นนี้สะท้อนว่านักลงทุนได้คาดการณ์ถึงกำไรที่อ่อนแอในปี FY20F เนื่องจากผลกระทบของ Covid-19 และการแข่งขันที่รุนแรงในการประมูลสายสีส้ม โดยหุ้นได้ซื้อขายกันใกล้เคียงระดับปี 2019 ซึ่งเป็นระดับที่มีกำไรต่ำกว่าคาดการณ์กำไรของเราในปี 2564 ราว 32% โดยเราเชื่อว่าไม่สมเหตุสมผลจากการที่จำนวนผู้ใช้บริการที่อ่อนแอลงในปีนี้เป็นเหตุการณ์ชั่วคราว ไม่ใช่แนวโน้มระยะยาวเนื่องจากระบบรางยังเป็นการเดินทางที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในเมือง
นอกจากนี้คาดการณ์การเติบโตของกำไรของเราในปี 2564 มั่นคงเนื่องจากจะมีรายได้จากการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง(O&M) ส่วนเพิ่มซึ่งไม่ผันแปรตามจำนวนผู้ใชบริการและจะรับรู้ใน 2564
ฝ่ายนวิจัยคาดว่ากำไรจะลดลงราว 9%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ใน ปี 2563 ถูกกดดันจากบริษัทลูก ได้แก่ BTSGIF และ VGI อย่างไรก็ตาม คาดว่ากำไรปกติจะสามารถสร้างระดับสูงสุดใหม่ได้ในปี 2564 ที่ 3.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน จากการดำเนินงานเต็มรูปแบบของรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือ โดยสถานีเจ็ดสถานีสุดท้ายในเส้นทางนี้จะช่วยสร้างรายได้ราว 1 พันล้านบาท และกำไรราว 500 ล้านบาท ในปี 2564 ซึ่งจะช่วยให้แนวโน้มการเติบโตของกำไรของปี2564 ค่อนข้างมั่นคง
แต่ก็มีความเสี่ยงหากสัมปทานสายสีเขียวมีการต่อขยาย ซึ่งนี่จะเป็นปัจจัยกระตุ้นราคาในระยะสั้น โดย BTS อยู่ระหว่างรอคณะรัฐมนตรีในการอนุมัติการขยายสัญญาสัมปทานไปอีก 30 ปีหรือจนถึงปี 2059 ในกรณีที่แย่ที่สุดเรามองว่าสัญญาการขยายจะมี NPV เป็นศูนย์ถ้าไม่สามารถเป็นบวกได้ อย่างไรก็ตามการวิเคราะห์ของเราสะท้อนว่า การขยายสัญญาจะสร้างมูลค่าให้กับ BTS เท่ากับ 2.90 บาทต่อหุ้น
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
facebook live : TNN Live
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNThailand
Instagram : @tnn_online
TIKTOK : @tnnonline