กระบะคล้ายคนเมาขับ ขวางรถพยาบาล 12กม. ขณะไปรับผู้ป่วยฉุกเฉิน
กระบะคล้ายคนเมาขับ ขวางรถพยาบาล ขณะตีรถกลับไปรับผู้ป่วยฉุกเฉิน เป็นระยะทาง 12 กิโลเมตร ด้าน คนขับเล่านาทีระทึก เผย ตำรวจรู้ตัวแล้ว
กลายเป็นเรื่องราวที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง หลังจากปรากฏคลิปของรถกระบะคันหนึ่ง ลักษณะคล้ายคนเมาขับรถขวางรถพยาบาล โรงพยาบาลบ้านโฮ่ง จ.ลำพูน ขณะตีรถไปรับผู้ป่วยฉุกเฉินที่โรงพยาบาล เพื่อส่งต่อโรงพยาบาลลำพูน ทั้งคนขับและพยาบาลในรถหวาดผวา หลังถูกรถกระบะคันดังกล่าวขับขวางตลอดระยะทาง 12 กิโลเมตร
คนขับตัดสินใจจอดขอความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จุดบริการประชาชนนครเจดีย์ อ.ป่าซาง ก่อนที่รถกระบะคันดังกล่าวจะขับรถหลบหนีไป ส่วนรถพยาบาลขับรถไปรับผู้ป่วยฉุกเฉินที่โรงพยาบาล บ้านโฮ่งนำส่งโรงพยาบาลลำพูน ซึ่งโชคดีที่ตีรถไปส่งผู้ป่วยฉุกเฉินได้ทันก่อนอาการจะทรุดหนัก ต่อมาได้เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้แล้วที่ สภ.ป่าซาง จ.ลำพูน ซึ่งทางตำรวจ สภ.ป่าซาง ได้รับเรื่องและติดตามจนทราบตัวเจ้าของรถแล้ว เตรียมออกหมายเรียกให้มาให้ปากคำแล้ว
ล่าสุดวันที่ 28 ม.ค.2565 นายณนงค์ จินดาหลวง พนักงานขับรถโรงพยาบาลบ้านโฮ่ง เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น รถที่ตนและพยาบาล 2 คนเดินทางกลับจากส่งผู้หญิงใกล้คลอดที่โรงพยาบาลลำพูน ขากลับขับรถมาตามถนนสายลำพูน-ลี้ เพื่อกลับมารับผู้ป่วยฉุกเฉินอีกรายที่โรงพยาบาลบ้านโฮ่ง เพื่อไปส่งโรงพยาบาลลำพูน เนื่องจากช่วงเวลานั้นรถโรงพยาบาล เหลือเพียงคันเดียว ส่วนคันอื่นไปให้บริการรับส่งผู้ป่วยไวรัสโควิดที่โรงพยาบาลสนาม
นายณนงค์ กล่าวต่อว่า เมื่อตนขับรถมาถึง ช่วงหน้าวัดฉางข้าวน้อยใต้ ต.ป่าซาง จ.ลำพูน เห็นรถกระบะคันดังกล่าวขับส่ายไปมา ตนจึงเร่งเครื่องเพื่อแซงรถคันดังกล่าว และรถคันนี้ขับจี้ท้ายรถโรงพยาบาลมาเรื่อย ๆ จนมาติดไฟแดงที่แยกสะปุ๋ง รถกระบะคันดังกล่าวขับตามมาทัน เมื่อสัญญาณไฟเขียวออก รถคันดังกล่าวได้ออกตัวก่อนขับแซงไป ตนจึงขับตามปกติ แต่รถกระบะพยามขับขวางและขับรถช้างประมาณ 30-40 กม./ชั่วโมง
นายณนงค์ กล่าวอีกว่า ตนพยามจะขับแชงหลายครั้งแต่รถคันดังกล่าวได้ขับขวางและเบียดตลอดเวลา ตั้งแต่แยกสะปุ๋ง ในขณะนั้นพยาบาลทั้งสองเกิดความกลัวเนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวดึกมากแล้วไม่มีรถคันอื่นขับตาม หรือขับสวนมาเลย และเกรงว่าบุคคลในรถอาจะมีอาวุธ ตนจึงตัดสินใจเลี้ยวรถขอความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่บริการประชาชนนครเจดีย์ อ.ป่าซาง
นายณนงค์ กล่าวว่า ส่วนรถกระบะคันดังกล่าวได้ขับหลบหนีไป ส่วนตนได้ขับรถพยาบาลไปรับผู้ป่วยฉุกเฉินที่โรงพยาบาลบ้านโฮ่ง เพื่อส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลลำพูนได้ทันโชคดีที่ตีรถไปส่งผู้ป่วยฉุกเฉินได้ทันก่อนอาการจะทรุดหนัก แต่ต้องเสียเวลาในการเดินทางนานถึง 30 นาที ทั้งนี้ ขณะที่ตนขับรถกลับมารับผู้ป่วยฉุกเฉินที่โรงพยาบาลบ้านโฮ่ง ขณะนั้นในรถไม่มีผู้ป่วย ตนจึงไม่ได้เปิดไฟขอทาง แต่ได้ส่งสัญญาณให้รถคันดังกล่าวทราบแล้ว แต่คนขับยังคงขับขวางอยู่
นายณนงค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า อยากขอวิงวอนให้ ประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนว่า ขอให้ทางรถพยาบาล ถึงแม้ว่าขณะนั้นในรถไม่มีผู้ป่วยอยู่ แต่ขณะนั้นตนและเจ้าหน้าที่รีบไปรับผู้ป่วยอีกเคสเพื่อไปส่งต่อ ซึ่งตนยืนยันว่าไม่ได้มีการขับปาดหน้าหรือสร้างความแค้นเคืองใด ๆ กับคู่กรณี ไม่ทราบว่าเมาหรือตั้งใจขับรถขวางดังกล่าวที่อาจจะก่อให้เกิดอันตรายแก่รถพยาบาล และเจ้าหน้าที่ที่กำลังปฏิบัติงาน