รีเซต

TIDLOR 'ทรีนีตี้' ประเมิน Q2/67 กำไรไม่เด่น ทั้งปีโต 18.26%

TIDLOR 'ทรีนีตี้' ประเมิน Q2/67 กำไรไม่เด่น ทั้งปีโต 18.26%
ทันหุ้น
11 กรกฎาคม 2567 ( 16:56 )
21

#ทันหุ้น - บล.ทรีนีตี้ ส่องหุ้น TIDLOR คาดการณ์กำไร Q2/67 ไม่ค่อยโดดเด่น แนวโน้ม Q2/67F กำไรสุทธิคาดว่าจะอยู่ที่ 1,074 ล้านบาท +15.8%YoY, -2.7%QoQ จากแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นของ ECL ที่คาดการณ์ไว้ซึ่งสอดคล้องกับคุณภาพสินทรัพย์ที่ด้อยลง ซึ่งจะส่งผลให้ credit cost อยู่ที่ 3.34% เพิ่มขึ้นจากช่วง Q1/67 ที่ 1.9%QoQ ด้านแนวโน้มปี 2567 ฝ่ายวิจัยคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโต 18.26% จากการเติบโตของสินเชื่อที่ประมาณ 15% และ เบี้ยประกันภัยที่ประมาณ 18% (เป้าสินเชื่อและเบี้ยประกันภัยโต 10-20%) และจาก credit cost ที่ลดลง รวมทั้งทางบริษัทมีการตั้งเป้าที่จะเปิดสาขาใหม่ 100 สาขา ในปี 2567 (ปัจจุบันมีสาขาทั้งหมด 1,710 สาขา) โดยมีการมุ่งเน้นที่การปรับปรุงประสิทธิภาพของสาขา 

 

 

Earning Preview

1) พอร์ตสินเชื่อ (Net Loan) ใน Q2/67F คาดว่าจะอยู่ที่ 98,766 ล้านบาท +18.0% YoY, +3.0% QoQ ซึ่งมาจากการขยายตัวในกลุ่มสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ รวมทั้งจะมีการเปิดสาขาเพิ่ม Q2/67 จำนวน 2 รวมสาขาทั้งหมด1,710 สาขา

2) NIM คาดว่าจะอยู่ที่ 11.55% ลดลง 85 bps จาก Q1/67 ได้รับผลกระทบจากการที่ yield และ cost to fund สูงขึ้น

3) รายได้อื่นๆ คาดว่าจะอยู่ที่ 972 ล้านบาท +23.7% YoY, +4.0% QoQ โดยหลักมาจากค่าธรรมเนียมธุรกิจประกัน 

4) cost to income คาดว่าจะอยู่ที่ 54.89% (อยู่ที่ 54.06% ใน Q1/67 และ 55.32% ใน Q2/66) เพิ่มขึ้นทั้งใน YoY และ QoQ เพิ่มขึ้นตามการปรับตัวของ NPL

5) NPL คาดว่าจะอยู่ที่ 1.63% จาก 1.60% ใน Q4/66 เพิ่มขึ้น 3 bps จะอยู่ตามกรอบของ guidance คือ ระหว่าง 1.4%-1.8%

6) ด้าน credit cost คาดว่าจะอยู่ที่ 3.34% เพิ่มขึ้น 6 bps จาก Q1/67 และเพิ่มขึ้น 9 bps จาก Q2/66 โดยเพิ่มขึ้นจากคุณภาพสินทรัพย์อ่อนแอลง และมีการ write-off ที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามบริษัทมองว่ายังสามารถควบคุม credit cost ให้อยู่ในกรอบ guidance ที่ 3.35% ได้

7) Coverage ratio คาดว่าจะอยู่ที่ 241% ลดลงจาก 264% ใน Q1/67 และ 266% ใน Q2/66

 

ฝ่ายวิจัยคงแนวโน้มกำไรปี 2567 ที่ 4,483 ล้านบาท +18.26% YoY โดยกำไรงวด 1H67 ที่คาดการณ์คิดเป็นราว 48.6% ของประมาณการทั้งปี ภายใต้สมมติฐานสินเชื่อและรายได้ค่าธรรมเนียมที่เติบโตขึ้น (เป้าบริษัทอยู่ที่ 10-20%YoY) แต่มีข้อจำกัดคือ การเพิ่มขึ้นของ credit cost อย่างต่อเนื่องกับคุณภาพสินทรัพย์ที่ด้อยลง และจากประมาณการดังกล่าว จึงให้ราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 24.00 บาท (อิงวิธี PBV ที่ 2.3 เท่า ตาม Gordon Growth Model) ราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside จึงแนะนำ “ซื้อ” 

 

ความเสี่ยง: ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ การแข่งขันด้านสินเชื่อที่สูงมากขึ้น  และการเพิ่มขึ้นของ credit cost 

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง