AI x CCTV เทคโนโลยีใหม่ ช่วยจับตาความปลอดภัยสงกรานต์

AI x CCTV เทคโนโลยีใหม่ช่วยจับตาความปลอดภัยสงกรานต์
เทศกาลสงกรานต์นับเป็นช่วงเวลาที่กรุงเทพมหานครมีความคึกคักมากที่สุดในรอบปี โดยเฉพาะบริเวณจัดงานขนาดใหญ่อย่างถนนสีลม ข้าวสาร หรือเซ็นทรัลเวิลด์ ที่มีผู้คนหนาแน่นเฉลี่ยเกินแสนคนต่อวัน ซึ่งการควบคุมดูแลความปลอดภัยในพื้นที่สาธารณะเช่นนี้ ถือเป็นภารกิจสำคัญของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่ต้องอาศัยทั้งกำลังเจ้าหน้าที่และเทคโนโลยีขั้นสูงมาร่วมสนับสนุน
ในปี 2568 กทม.ได้นำระบบ “AI x CCTV” หรือการผสานการทำงานระหว่างกล้องวงจรปิด (CCTV) กับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้เป็นเครื่องมือเสริมในการเฝ้าระวังความปลอดภัยในพื้นที่จัดงานสงกรานต์หลัก 17 แห่งทั่วกรุงเทพฯ โดยเฉพาะจุดที่มีนักท่องเที่ยวแออัด
AI ทำอะไรได้บ้างในสงกรานต์?
AI ที่ถูกติดตั้งร่วมกับกล้อง CCTV ของกทม. มีความสามารถในการเรียนรู้และจดจำพฤติกรรมของผู้คน เช่น การตรวจจับการทะเลาะวิวาท การล้มลงของบุคคล การเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ หรือแม้กระทั่งการรวมตัวกันของฝูงชนในระดับเสี่ยง ซึ่งระบบสามารถแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่ทันทีผ่านศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ (EOC)
นอกจากนี้ ระบบยังสามารถเชื่อมโยงข้อมูลกับศูนย์ปฏิบัติการจราจร และศูนย์รับเรื่องร้องเรียน Traffy Fondue เพื่อช่วยระบุตำแหน่งของเหตุการณ์ผิดปกติ เช่น เสียงดังเกินกฎหมาย การจุดพลุผิดเวลา หรือการวางสิ่งของกีดขวางเส้นทางจราจร ซึ่งเป็นปัญหาที่มักเกิดขึ้นในช่วงเทศกาล
เพิ่มประสิทธิภาพ-ลดช่องโหว่ความปลอดภัย
นายศุภกฤต บุญขันธ์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ประจำวันว่า การนำ AI มาช่วยตรวจสอบเหตุการณ์ผ่านกล้องวงจรปิด เป็นหนึ่งในมาตรการเชิงรุกที่ กทม.ตั้งเป้าเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลความปลอดภัยในพื้นที่จัดงาน โดยเฉพาะในจุดที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเฝ้าระวังได้ตลอดเวลา เช่น ทางแยก มุมอับ หรือซอยแคบ
ทั้งนี้ยังมีแผนต่อยอดระบบ AI ให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลัง เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจเชิงนโยบายในปีต่อไป ทั้งในแง่การจัดการจุดเสี่ยง ความเหมาะสมของพื้นที่ และการประเมินประสิทธิภาพของหน่วยงานภาคสนาม
เทคโนโลยีเพื่อคนเมือง
แม้การเล่นน้ำจะเป็นวัฒนธรรมที่สร้างสีสันให้กับกรุงเทพฯ แต่ก็ไม่อาจมองข้ามภารกิจเบื้องหลังที่ต้องทำให้เมืองปลอดภัยและเป็นระเบียบควบคู่กัน เทคโนโลยี AI จึงไม่ใช่เพียงแค่เครื่องมือในระบบอัจฉริยะ แต่กำลังเป็นเสมือน “ดวงตาอัจฉริยะ” ของเมืองที่ช่วยจับตาทุกความเคลื่อนไหวในจุดที่คนไม่ทันเห็น
และหากความร่วมมือระหว่างเทคโนโลยีและการบริหารของภาครัฐยังคงพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง ก็อาจกล่าวได้ว่า สงกรานต์ในอนาคตจะไม่ใช่แค่ “สนุก” อย่างเดียว แต่จะ “ปลอดภัย” และ “ยั่งยืน” ยิ่งกว่าที่เคย