พิษณุโลก! เดินป่าคลองชมพู ค้างแรมสัมผัสธรรมชาติในฤดูแล้ง
ที่บ้านชมพู ต.ชมภู อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก มีชาวบ้านหมู่ 1 และหมู่ 3 บ้านชมพู อ.เนินมะปราง ได้รวมตัวเป็นไกด์ชุมชน จำนวนกว่า 10 คน นำโดยนายบุญสืบ เผือกอ่อน อายุ 57 ปี ชื่อกลุ่ม “ท่องไทยไปชมพู"นำนักท่องเที่ยวไปเที่ยวชมธรรมชาติที่คลองชมพู อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ระยะทาง 8-10 กิโลเมตร โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ชื่นชมสายผจญภัยเดินป่ากางเต้นท์ค้างแรม ที่บริเวณกลางคลองชมพู ที่ในช่วงฤดูแล้ง ก็มีความงามไม่แพ้ฤดูฝนและฤดูหนาว เนื่องจากปริมาณน้ำในคลองชมพูน้อยลง ทำให้มองเห็นโขดหินน้อยใหญ่ บางช่วงก็เป็นแผ่นกินมีรูปลักษณ์ต่างๆ บางช่วงก็มีหินเป็นหลุ่ม คล้ายที่ 3 พันโบก บางช่วงมีก็แอ่งน้ำทางธรรมชาติที่สวยงาม มีแหล่งศึกษาตามธรรมชาติ โดยบริเวณคลองน้ำเค็ม ในฤดูแล้งก็มีเกลือเกาะตามโขดหินในคลองน้ำ เนินกระเบื้องโบราณ บานหินปืน แก่งคันนา แก่งกระซาว ลานหินถ้ำน้ำน้อย ลานหินถ้ำหม้อ เป็นต้น นักท่องเที่ยวสามารถเลือกกางเต้นตามจุดต่างๆ ได้ตามที่ต้องการ
โดยนักท่องเที่ยวที่จะมาเที่ยวชมธรรมชาติคลองชมพู อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง เริ่มแรกก็จะต้องติดต่อกับกลุ่มไกด์ชุมชน จากนั้นก็แจ้งขออนุญาตกับทางหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ที่ 5 (สล.5) แล้วเริ่มต้นเดินเท้าไปตามคลองชมพู เริ่มจากที่แก่งคันนา แก่งป่ากระซาว จุดเนินบังเกอร์แม้ว คลองน้ำเค็มหรือคลองเค็ม เนินกระเบื้องโบราณ ลานหินปืน ลานหินถ้ำน้ำน้อย ลานหินหม้อ รวมระยะทาง 10 กิโลเมตร แต่ละจุดก็จะมีประวัติและเรื่องเล่าให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้และชมกัน อาทิ แก่งป่ากระซาว นักท่องเที่ยวจะได้ชมลานหินฝนมีดโบราณ ,บังเกอร์แม้ว นักท่องเที่ยวก็จะได้ชมหินที่ชาวไทยภูเขา มาสร้างไว้คล้ายบังเกอร์ เพื่อลอบยิงเจ้าหน้าที่, คลองน้ำเค็ม หรือชาวบ้านเรียกว่าคลองเค็มนั้น นักท่องเที่ยวก็จะก้อนหินที่เกลือเกาะ จนเป็นแผ่น และคราบเกลือ บางช่วงน้ำที่ไหล ก็เค็ม ปลาไม่สามารถอาศัยอยู่ได้
ขณะที่ลานหินปืน นั้น ก็จะมีหินก้อนลักษณะทรงกลม เหลี่ยม โค้งมนต่างๆ มากมาย ยาวนับกว่า 1 กิโลเมตร บริเวณน้ำจะมีแอ่งน้ำที่ช้างป่า และสัตว์อื่นๆจะลงมากินน้ำกันเป็นประจำ และพบเห็นเป็นรอยเท้า เป็นช่วงๆ ,ส่วนบริเวณจุดเนินกระเบื้อง นั้นก็จะมีเศษกระเบื้องโบราณลวดลายต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษากัน ระหว่างการเดินเท้านั้นก็จะมีต้นไม้น้อยใหญ่ โดยเฉพาะต้นตะเคียน ต้นแดง ให้นักท่องเที่ยวได้ชม และบางต้นเช่น ต้นผู๋ ในช่วงนี้กำลังออกดอกส่งกลิ่นหอมไปทั่วป่าทีเดียว
ส่วนลานกางเต้นท์นั้น แล้วแต่นักท่องเที่ยวจะเลือกกางเต้นท์ หากไม่เดินป่าไม่ไกล เพียง 1.5 กิโลเมตร ก็สามารถกางเต้นได้ที่แก่งคันนา หากบางท่านต้องการเดินป่าชมธรรมชาติ ไปเรื่อยๆ ก็สามารถไปกางเต้นท์ได้ที่ ลานหินถ้ำน้ำน้อย และถ้ำหม้อ ซึ่งบริเวณที่กางเต้นท์นั้นนักท่องเที่ยวก็จะสามารถชมธรรมชาติ เช่น ดอกศิลาวารีย์ ที่หาชมได้ยากมาก หนึ่งเดียวที่คลองชมพู และเล่นน้ำตามแอ่ง หรือแก่งต่างๆ ได้อย่างสบายใจ พร้อมกับชิมอาหารพื้นบ้านที่กลุ่มไกด์ชุมชน ได้ตระเตรียมมาให้แก่นักท่องเที่ยวได้ชิมกันอีกด้วย พร้อมกับปรุงอาหารสด ที่เก็บได้ตามป่าที่เดินเท้า เช่น ยอดผักหวาน ยอดหนาม เป็นต้น ส่วนในยามค่ำคืน นักท่องเที่ยวก็จะนอนฟังเสียงน้ำไหลและเสียงจิ้งหรีดเรไร่ ได้อย่างเพลิดเพลิน
นายบุญสืบ เผือกอ่อน หัวหน้ากลุ่มไกด์ชุมชน ท่องไทยไปชมพู กล่าวว่า เดินทีนั้นกลุ่มตนเอง ก็จะทำนา ทำไร่ ในช่วงฤดูแล้ง ก็จะหาของป่า หรือที่เรียกนายพราน โดยเมื่อปี 2563 ที่ผ่านมา ชาวบ้านที่สนใจในเรื่องการท่องเที่ยวชุมชน ก็เริ่มเลิกอาชีพนายพราน หันมาเปิดท่องเที่ยวชมธรรมชาติ ที่คลองชมพู เพราะนอกจากจะเป็นการสร้างรายได้ให้กลุ่มชาวบ้านแล้ว ยังเป็นการร่วมอนุรักษ์ธรรมชาติตามสายน้ำคลองชมพูอีกด้วย โดยนักท่องเที่ยว สามารถมาเที่ยวและกางเต้นท์ค้างแรม ได้ตลาดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นฤดูฝน ฤดูหนาว และ ฤดูแล้ง โดยเฉพาะฤดูแล้ง นักท่องเที่ยวก็มาชมคลองเกลือ ที่มีลักษณะโดดเด่น และเรื่องราวอันยาวนาน ซึ่งตลอดการเดินป่านั้น กลุ่มตนเองก็จะเล่าถึงความาสำคัญของจุดต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ฟังกันอย่างเพลิดเพลิน โดยที่ผ่านมาก็มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมคลองชมพู กันอย่างต่อเนื่อง บางทริปท่องเที่ยว ก็นอน 2 คืน 3 วัน บางทริป ก็นอน 1 คืน 2 วัน ก็มี แล้วแต่นักท่องเที่ยวจะสะดวก
หากนักท่องเที่ยวต้องการมาชมและสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติที่คลองชมพู ก็สามารถติดต่อที่ตนเองได้ เบอร์โทรศัพท์ 085-7374528 ได้ โดยแต่ทริป ที่พานักท่องเที่ยวไปเที่ยวชมคลองชมพู นั้นก็จะทำเรื่องขออนุญาตเจ้าหน้าที่ทางหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ที่ 5 (สล.5) ทุกครั้ง ส่วนเรื่องความปลอดภัยนั้นทางกลุ่มชาวบ้านก็จะคอยดูกันเป็นอย่างดี