KBANK ขึ้นแท่นผู้นำดิจิทัลแบงก์กิ้ง-ตัวเลขผู้ใช้แอปโตทะลุ 2 ล้านราย
ธนาคารกสิกรไทย หรือ KBANK ผงาดขึ้นแท่นผู้นำดิทัลแบงก์กิ้งในไทย! กางยอดผู้ใช้ปี 2565 เติบโตทะลุ 2 ล้านราย แถมธุรกรรมออนไลน์พุ่งถึง 98% หลังประกาศแผนพลิกโฉมด้วยแนวคิด “ชาเลนเจอร์แบงก์” ขณะที่ผู้บริหารหญิง “ขัตติยา อินทรวิชัย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ให้ข้อมูลและมองแนวโน้มทิศทางต่อไป
นางสาวขัตติยา กล่าวว่า ปัจจุบันมียอดการใช้งานแพลตฟอร์มดิจิทัลของธนาคารกสิกรไทยมีการเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเพียง หลังมีได้ประกาศแผนผสานความเป็น “ชาเลนเจอร์แบงก์” เข้ามาในองค์กรในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา เพื่อเปิดโอกาสให้คนจำนวนมากขึ้นสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการของธนาคารได้ โดยการทำให้บริการธนาคารเรียบง่ายขึ้น ด้วยการนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาใช้ขึ้นแท่นผู้นำดิจิทัลแบงก์
จากการสำรวจข้อมูลล่าสุด ณ สิ้นปี 2565 ที่ผ่านมา พบว่า มีคนจำนวนผู้ใช้งานแอป K PLUS ของธนาคารเพิ่มเป็นมากกว่า 2 ล้านคน ซึ่งในจำนวนนี้ มีมากกว่า 1 ล้านคนเป็นผู้ที่เพิ่งใช้บริการธนาคารกสิกรไทยเป็นครั้งแรก และความนิยมแพลตฟอร์มดิจิทัลของธนาคารกสิกรไทยที่เพิ่มขึ้นนั้นทำให้ธนาคารกสิกรไทยเดินหน้าสู่การเป็นธนาคารดิจิทัลอย่างเต็มภาคภูมิ โดยปัจจุบันธุรกรรมของธนาคารกสิกรไทย เป็นธุรกรรมที่ทำผ่านระบบออนไลน์สูงถึง 98%
อย่างไรก็ดี การเติบโตของธุรกรรมออนไลน์ดังกล่าว ทำให้ธนาคารกสิกรไทยสร้างสถิติใหม่ โดยเป็นครั้งแรกที่ยอดเงินโอนผ่านแอป K PLUS มากกว่ายอดเงินโอนผ่านช่องทางอื่นๆ ทั้งหมดของธนาคารรวมกัน ทั้งการทำธุรกรรมที่สาขาธนาคาร เครื่องทำรายการอิเล็กทรอนิกส์ และตัวแทนธนาคาร
ขึ้นแท่นผู้นำดิจิทัลแบงก์
“ด้วยเทคโนโลยีของเรา ทำให้คนจำนวนมากขึ้นได้รับประโยชน์จากบริการธนาคาร ในแต่ละชั่วโมงมีจำนวนธุรกรรมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องประมาณ 1 ล้านรายการต่อชั่วโมง อีกทั้งยอดเงินที่เป็นการทำธุรกรรม K PLUS ยังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมียอดเงินสูงเกือบ 10 ล้านล้านบาทในปี 2565 ซึ่งตอกย้ำความเป็นผู้นำของธนาคารกสิกรไทยในฐานะธนาคารดิจิทัลอันดับหนึ่งของไทย"
ไม่เพียงเท่านั้นในช่วงที่ผ่านมาทาง KBANK ได้มีการจับมือกับ LINE เพื่อให้บริการธนาคารผ่านทางโซเชียลมีเดียภายใต้ชื่อ “LINE BK” และแนวโน้มธุรกิจข้างต้ามีการเติบโตขึ้นอย่างชัดเจน โดยมีผู้ใช้บริการรายใหม่เพิ่มขึ้นจำนวนมากกว่า 1,400,000 ราย และณ สิ้นปี 2565 มียอดสินเชื่อปล่อยกู้ผ่าน LINE BK กว่า 1.8 หมื่นล้านบาท โดยจำนวนมากเป็นการให้กู้ยืมแก่ลูกค้าที่ไม่มีรายได้ประจำหรือไม่มีเงินเดือนประจำ เช่น คนทำงานอิสระและผู้ประกอบธุรกิจรายย่อยอื่นๆ
ปัจจุบัน LINE BK ในฐานะผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์และบริการธนาคารผ่านโซเชียลมีเดียเพียงรายเดียวของไทย มีบทบาทสำคัญในการทำให้เป้าหมายของธนาคารกสิกรไทยในการผสานความเป็นชาเลนเจอร์แบงก์เข้ามาในองค์กรประสบความสำเร็จ เนื่องจาก LINE BK ช่วยให้คนไทยที่ยังเข้าไม่ถึงบริการธนาคารหรือเข้าถึงได้ยาก สามารถเข้าถึงบริการธนาคารได้ แม้จะเป็นผู้ที่ไม่มีบัญชีธนาคาร ก็สามารถสมัครขอสินเชื่อผ่าน LINE BK ได้ โดยจะทราบผลการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อภายใน 24 ชั่วโมง บริการนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระ ผู้ให้บริการอิสระ และเจ้าของแผงค้าขายขนาดเล็ก อีกทั้งยังเป็นก้าวแรกที่นำคนเหล่านี้เข้าสู่ระบบธนาคาร ทำให้มีประวัติเครดิต ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการขยับขยายกิจการในอนาคตของพวกเขาเหล่านี้ต่อไป
“ในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากคนที่ประกอบอาชีพเหล่านี้มักจะไม่มีรายได้ประจำหรือไม่มีสลิปเงินเดือน จึงทำให้พวกเขามีความยากลำบากในการได้รับอนุมัติเงินกู้จากธนาคาร เพื่อที่จะเอามาช่วยเหลือตัวเองในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่มาเป็นครั้งเป็นคราว และบ่อยครั้งก็ทำให้เขาต้องหันไปหาเงินกู้นอกระบบ ทำให้เสียโอกาสในการเข้าถึงเงินทุน”
ดังนั้น ทาง LINE BK จึงได้มีการใช้ระบบเอไอในการวิเคราะห์ข้อมูล และข้อมูลสมัยใหม่อื่นๆ เช่น ข้อมูลพฤติกรรมจากบริการที่เกี่ยวข้องของ LINE ซึ่งได้รับอนุญาตจากผู้สมัครขอสินเชื่อก่อน เพื่อประเมินความสามารถและความตั้งใจในการชำระคืนเงินกู้ของผู้กู้ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงเงินกู้ได้สะดวกยิ่งขึ้น
ก้าวต่อไป
นอกจากนี้ แพลตฟอร์มออนไลน์ของธนาคารกสิกรไทยกำลังช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยในการทำธุรกิจระหว่างประเทศ ด้วยการมอบต้นทุนทางด้านการเงินที่ต่ำกว่า และเป็นธนาคารเดียวในประเทศไทยที่ไม่ถูกหักค่าธรรมเนียมการโอนจากธนาคารตัวกลาง สำหรับการโอนเงินจากประเทศไทยไปยัง 32 ประเทศคู่ค้า
สำหรับกลยุทธ์ของธนาคารกสิกรไทย คือ เป็นการหลอมรวมดีเอ็นเอของความเป็นชาเลนเจอร์แบงก์เข้าไปในแก่นของธนาคารกสิกรไทย ซึ่งประสบความสำเร็จอยู่แล้วในฐานะธนาคารในยุคปัจจุบันที่ได้รับการยอมรับเชื่อถือในความสามารถในการตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม ตลอดจนวิสัยทัศน์ของธนาคารมองไปไกลเกินกว่าขอบเขตประเทศไทย โดยเป้าหมายของเราอยู่ที่การเป็นผู้นำการให้บริการธนาคารดิจิทัลที่ดีที่สุดระดับภูมิภาคซึ่งภายใต้โครงการดังกล่าวนี้ ธนาคารกสิกรไทยได้จัดสรรงบประมาณ 22,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนด้านเทคโนโลยีในช่วงปี 2565 – 2567