รีเซต

กูรูศก.ชี้ทรัมป์2.0ฉุดส่งออกไทย “ฮาร์ดดิสก์-ยางล้อ-จิวเวลรี”รอด

กูรูศก.ชี้ทรัมป์2.0ฉุดส่งออกไทย “ฮาร์ดดิสก์-ยางล้อ-จิวเวลรี”รอด
ทันหุ้น
10 กุมภาพันธ์ 2568 ( 19:00 )
20

#กสิกรไทย #ทันหุ้น - ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองทรัมป์ 2.0 กีดกันการค้ากระทบไทยแน่ถ้ารัฐบาลอ่อนรับมือ คาดส่งออกปีนี้โดนกระทบ 0.5% สินค้าเสี่ยง โมดูลบลูทูธ, บรอดแบนด์, โซลาร์, หม้อแปลงไฟ, เครื่องจักรชิ้นส่วน, อะไหล่รถ, กล้องเคลื่อนที่ และเครื่องปรับอากาศ ทว่า ฮาร์ดดิสก์, ยางล้อ, จิวเวลรี ส่อแววรอด เพราะอเมริกาเมินทำเอง ด้านตลาดหุ้นไทยรอความหวังเศรษฐกิจฟื้นตัว และต้องสร้างธรรมาภิบาล


นายบุรินทร์  อดุลวัฒนะ กรรมการผู้จัดการ และ Chief Economist บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ผลพวงจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ กลับเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาอีกรอบ โดยนโยบายทรัมป์ 2.0จะยังคงใช้ภาษีนำเข้าเป็นเครื่องมือเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อสหรัฐ


และนอกเหนือจากประเทศจีนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงเพื่อตอบสนองการนำพาสหรัฐมุ่งสู่เป้าหมายการลดการพึ่งพาเศรษฐกิจจีน ลดการขาดดุลการค้า ฟากประเทศไทยก็จะพลอยได้รับผลกระทบไปด้วยในหลายอุตสาหกรรมธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จากการที่ประเทศไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐ เป็นอันดับที่ 10 ของโลก


@ลิสต์สินค้าไทยโดนกีดกัน

สำหรับสินค้าเสี่ยงโดนกีดกันการค้ากลุ่มธุรกิจจีน และธุรกิจที่สหรัฐต้องการดึงกลับประเทศ ที่มีสัดส่วนเป็นสินค้าส่งออกหลักของไทย 10 อันดับ ไปยังตลาดสหรัฐ (เทียบตามเปอร์เซ็นต์ ของการส่งออกทั้งหมดของไทยจากข้อมูลกระทรวงพาณิชย์) ได้แก่ โมดูลบลูทูธ, ผลิตภัณฑ์บรอดแบนด์, โมดูลพลังงานแสงอาทิตย์, เครื่องแปลงไฟ, เครื่องจักรและชิ้นส่วน, อะไหล่รถยนต์ (ล้อ, เบรค, พวงมาลัย), โมดูลกล้องเคลื่อนที่ และเครื่องปรับอากาศ

โดยยกตัวอย่างคือ แผงโซลาร์ไทยโดนกำแพงภาษีสหรัฐ ส่งผลให้ผู้ผลิตย้ายฐานไปประเทศเพื่อนบ้าน ส่วน ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ ยาง และเครื่องประดับ แม้เข้าข่ายแต่ทว่าเป็นสินค้าที่มีจุดได้เปรียบคือสหรัฐอาจไม่ต้องการผลิตเอง จึงอาจไม่ได้รับผลกระทบ โดยยกตัวอย่างคือ ยางล้อแม้ไทยโดนกีดกันการค้า แต่ยางล้อยังไปได้จากความได้เปรียบด้านต้นทุน


@กระทบส่งออก 0.5%

ประเมินการกีดกันการค้าจากนโยบายทรัมป์จะกระทบตัวเลขยอดส่งออกของไทยรวม 0.50% ในปีนี้ เว้นแต่รัฐบาลไทยจะเจรจาหรือสร้างความได้เปรียบอื่นๆ เพิ่มให้กับสินค้าส่งออก แต่ภาพในระยะสั้นครึ่งปีแรกกระทั่งก่อน 1 เมษายน 2568คาดจะเห็นการเร่งสั่งสินค้านำเข้าอเมริกาทิ้งทวนก่อนที่ภาษีจะมีผลบังคับใช้เต็มที่


ดังนั้น กลยุทธ์ของไทยในการรับมือคงต้องเปิดตลาดให้กับธุรกิจสหรัฐ มากขึ้นหรือเพิ่มการนำเข้าสินค้าของสหรัฐ เพื่อลดการได้ดุลการค้ากับสหรัฐ


@กระแสเงินและดอกเบี้ย

ในภาพใหญ่การดำเนินนโยบายข้างต้นอย่างต่อเนื่องจะทำให้กระแสเงินไหลกลับเข้าประเทศสหรัฐอเมริกา ส่งผลต่อให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งตัวขึ้น ทว่ากลับย้อนแย้งกับความต้องการของสหรัฐเองที่หวังให้ค่าเงินอ่อนลง จึงเป็นไปได้ว่าอาจมีนโยบายหรือความร่วมมือเฉพาะเพื่อสมดุลค่าเงินในระยะถัดไป


อีกทั้งหากผลกระทบจากสงครามการค้าขยายวงกว้าง เฟดอาจจะไม่สามารถลดดอกเบี้ยได้ จากที่คาดว่าจะลดลง 2ครั้งในปีนี้ นโยบายทรัมป์ 2.0 จะเน้นการสร้างความมั่นคง ทางด้านเศรษฐกิจ และการทหารให้กับสหรัฐ เป็นหลัก จึงประเมินว่าจากนี้จะโลกเห็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ที่สหรัฐจะใช้ความยิ่งใหญ่ทางเศรษฐกิจของตนเองเป็นเครื่องมือต่อรอง ให้สหรัฐได้ประโยชน์จากความสัมพันธ์อย่างมากที่สุด


@มุมมองลงทุนหุ้นไทย

ด้านผลที่สืบเนื่องมายังความน่าสนใจในการลงทุนตลาดหุ้นไทยย่อมขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งมุมมองจากภายนอก มองว่าฟื้นตัวได้ช้าจากวิกฤติโควิด-19 ทั้งนี้นโยบาลรัฐบาลไทยที่พยายามผลักดันต่างๆ เช่น เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ก็นับเป็นหนึ่งในแนวคิดที่ดี แต่ยังไม่เพียงพอที่พยุงทั้งองคาพยพ และในด้านภาคการผลิตอุตสาหกรรมรถยนต์ก็ยังมีปัญหาอยู่ นอกจากนี้ภาพลักษณ์เชิงธรรมาภิบาลของผู้บริหารต่างๆ ก็จำเป็นต้องโปร่งใสเพื่อให้ต่างชาติเกิดความเชื่อมั่้นวางใจเข้ามาลงทุนด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง