PTTโคม่าโบรกหั่นเป้า กำไรเหลือแค่6พันล.
#PTT #ทันหุ้น - บล.กรุงศรี หั่นราคาเป้าหมายหุ้น PTT ลงมาอยู่ที่ 42 บาท เพื่อสะท้อนถึงธุรกิจก๊าซที่อ่อนแอจากต้นทุนที่สูงขึ้น รวมถึงค่าผ่านท่อที่ลดลง บริจาคเงินเข้ากองทุนน้ำมัน ประเมินกำไรไตรมาส 3/2565 อยู่ที่ 6.2 พันล้านบาท ผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ลดลง และธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมี รวมถึงโรงไฟฟ้าในเครือที่อ่อนแอ แต่ยังแนะนำซื้อลงทุนระยะยาว
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ปรับลดราคาเป้าหมายของหุ้นบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ลงมาอยู่ที่ 42 บาทต่อหุ้น จากเดิมที่ 47 บาทต่อหุ้น เพื่อสะท้อนถึงธุรกิจก๊าซ NGV ที่อ่อนแอ เนื่องจากต้นทุนก๊าซที่เพิ่มขึ้นทำให้ธุรกิจก๊าซ NGV ขาดทุน
โดยที่ผ่านมาคณะกรรมการ PTT ได้อนุมัติให้บริจาคเงินจำนวน 3 พันล้านบาท ให้กองทุนน้ำมันในปีนี้ หลังจากที่กองทุนน้ำมันขาดทุนจากการอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซล ราคา Gas Pool เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากราคา LNG ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ต้นทุน NGV เพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาขาย NGV ขยับขึ้นมาเพียง 1 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 16.60 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งมีผลเดือนกันยายน 2565 ทำให้ขาดทุน NGV ในระดับ EBITDA เพิ่มขึ้นเป็น 4.2 พันล้านบาทในไตรมาส 3/2565
รวมถึงการที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. ปรับลดค่าผ่านท่อลง โดยการนำต้นทุนหนี้ในปัจจุบันมาร่วมพิจารณาด้วย เพื่อสะท้อนถึงสถานการณ์ในปัจจุบัน ซึ่งอัตราเก่ากำหนดมาตั้งแต่ปี 2524 ตอนที่เพิ่งเริ่มสร้างท่อ และมีต้นทุนหนี้สูง แต่เนื่องจากต้นทุนหนี้ลดลงมาอยู่ที่ระดับเลขตัวเดียวต่ำๆ แล้ว กกพ.จึงปรับลดค่าผ่านท่อลงเหลือ 16.90 บาทต่อmmbtu โดยมีผลตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าทำให้ PTT เสียรายได้ 5.9 พันล้านบาท และทำให้ EBITDA ลดลง 4.0 พันล้านบาท
**กำไร Q3/65 ลดลงอยู่ที่ 6.2พันลบ.
ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) คาดการณ์ว่า PTT ในไตรมาส 3/2565จะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 6.2 พันล้านบาท ลดลง 84% จากไตรมาสก่อน และลดลง 74% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เพราะได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ลดลง, ธุรกิจโรงกลั่น ปิโตรเคมี และโรงไฟฟ้าของบริษัทในเครืออ่อนแอ รวมถึงธุรกิจ NGV ที่ขาดทุนเพิ่มขึ้น โดยคาดปริมาณยอดขายก๊าซจะลดลง 5%จากไตรมาสก่อน และลดลง 3% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เหลือ 4,105 mmscfd จากอุปทานก๊าซในอ่าวไทยลดลง และปิดซ่อมบำรุงโรงแยกก๊าซ โดยคาดว่ายอดขายก๊าซให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตหรือ กฟผ. และผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ หรือ IPP จะลดลง 7% จากไตรมาสก่อน และลดลง 27% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ปริมาณยอดขายให้กับผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก หรือ SPP เพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อน เพราะ กฟผ.เปลี่ยนไปใช้ไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำของสปป.ลาว ซึ่งมีต้นทุนถูกกว่า ขณะเดียวกันคาดว่าในไตรมาส 3/2565จะขาดทุนจากสต๊อก 2 หมื่นล้านบาท และขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 2.8 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์กรุงศรี ยังคงแนะนำ “ซื้อ” หุ้น PTT เพราะมองว่าเป็นหุ้นตัวเลือกที่ดีสำหรับการลงทุนระยะยาว และราคาหุ้นยังมี Discount จาก NAV ถึง 38%เมื่อเทียบกับ Discount เฉลี่ยในช่วง 6 ปีที่ผ่านมาที่ 15% และราคาหุ้นได้สะท้อนความเสี่ยงจากธุรกิจ NGV ที่คาดว่าจะขาดทุน รวมถึงการปรับลดค่าผ่านท่อไปแล้ว