SpaceX ทดสอบปล่อยยาน Starship ครั้งที่ 11 ความสำเร็จอีกครั้งของจรวดที่ทรงพลังที่สุดในโลก

14 ตุลาคม เวลาเช้าตรู่ตามเวลาในประเทศไทย ยานสตาร์ชิป (Starship) ของบริษัท สเปซเอ็กซ์ (SpaceX) ซึ่งเป็นจรวดที่ใหญ่และทรงพลังที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยสร้างมา ประสบความสำเร็จในการบินทดสอบระดับใต้วงโคจรอีกครั้ง ถือเป็นความสำเร็จอีกครั้งหลังเที่ยวบินก่อนหน้าเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
ภารกิจครั้งนี้เริ่มต้นจากฐานปล่อยสตาร์เบส (Starbase) ทางตอนใต้ของรัฐเท็กซัส และนับเป็นเที่ยวบินทดสอบรวมครั้งที่ 11 ของโครงการพัฒนายาน Starship รวมถึงยังเป็นเที่ยวบินสุดท้ายของรุ่นปัจจุบัน ก่อนที่ SpaceX จะยกเครื่องสู่รุ่นใหม่ที่มีขนาดใหญ่กว่าและทรงพลังยิ่งขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ยานขนส่งสู่ดวงจันทร์และดาวอังคาร
บริษัท SpaceX พัฒนายาน Starship ภายใต้วิสัยทัศน์ของ อีลอน มัสก์ (Elon Musk) เพื่อทำให้มนุษย์สามารถตั้งรกรากบนดาวอังคารได้ในอนาคต ซึ่งเป้าหมายหลักของการก่อตั้งบริษัท SpaceX เมื่อปี 2002 คือ การขยายเผ่าพันธุ์มนุษย์ไปยังดาวดวงอื่น
นอกจากดาวอังคารแล้ว ดวงจันทร์ก็เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญ องค์การนาซา (NASA) ได้เลือกยาน Starship เป็นยานลงจอดพร้อมมนุษย์ลำแรกในโครงการอาร์ทิมิส (Artemis) ซึ่งจะนำมนุษย์กลับไปเหยียบดวงจันทร์อีกครั้งในรอบกว่า 50 ปี โดยในภารกิจ Artemis 3 ที่กำหนดไว้ปี 2027 ยาน Starship จะนำมนุษย์ลงสู่บริเวณขั้วใต้ของดวงจันทร์
อีลอน มัสก์เข้าร่วมชมการปล่อย Flight 11 ด้วยตนเอง โดยครั้งนี้เขาเลือกออกไปดูจากภายนอกแทนการอยู่ในห้องควบคุม "นี่เป็นครั้งแรกจริง ๆ ที่ผมได้เห็นจรวดด้วยตาตัวเอง มันช่างน่าประทับใจอย่างเหลือเชื่อ” อีลอน มัสก์ กล่าวระหว่างการถ่ายทอดสด
พลังและแนวคิดการนำกลับมาใช้ใหม่
ยาน Starship มีจุดเด่นที่ยานลำนี้สามารถบรรทุกน้ำหนักได้สูงสุดกว่า 165 ตัน ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ โดยใช้จรวดขนส่งอวกาศซูเปอร์เฮฟวี่ (Super Heavy) ถูกออกแบบให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้เต็มรูปแบบ
บริษัท SpaceX ตั้งเป้าจะนำทั้งบูสเตอร์และยาน Starship กลับมาสู่แท่นปล่อยโดยใช้แขนตะเกียบจับของหอปล่อย ซึ่งเป็นเทคนิคเฉพาะที่บริษัทได้ทดสอบแล้วหลายครั้ง และคาดว่าจะทำให้สามารถปล่อยจรวดได้หลายเที่ยวต่อวันจากฐานปล่อยเพียงแห่งเดียว
นอกจากนี้ การปล่อยครั้งนี้ยังตรงกับวันครบรอบหนึ่งปีของภารกิจทดสอบครั้งที่ 5 หรือ Flight 5 ซึ่งเป็นการทดสอบที่ SpaceX สามารถดักจับจรวด Super Heavy ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
ยาน Starship รุ่นปัจจุบันเป็นเวอร์ชัน 2 หรือ V2 มีความสูงราว 403 ฟุต แต่รุ่นถัดไปจะยิ่งใหญ่กว่า โดยยานเวอร์ชัน 3 หรือ V3 จะสูงถึง 408 ฟุต และรุ่นตัว Top ยานอวกาศแห่งอนาคต หรือ Future Starship เวอร์ชัน 4 หรือ V4 ซึ่งอีลอน มัสก์ เผยโฉมเมื่อเดือนพฤษภาคม 2025 มันจะสูงถึง 466 ฟุต หรือ 142 เมตร
จรวดรุ่น V4 ยังจะติดตั้งเครื่องยนต์ Raptor ถึง 42 เครื่อง มากกว่ารุ่น V2 และ V3 ซึ่งใช้เพียง 39 เครื่อง โดยเพิ่มอีก 3 เครื่องในส่วนยาน Starship เพื่อรองรับภารกิจระยะไกลสู่ดวงจันทร์และดาวอังคาร
เส้นทางแห่งการทดสอบ
ตลอดปี 2024 SpaceX ต้องเผชิญความท้าทายหลายครั้ง ยานระเบิดกลางอากาศทั้งในเที่ยวบินที่ 7 และ 8 รวมถึงยานแตกขณะกลับสู่ชั้นบรรยากาศในเที่ยวบินที่ 9 และอุบัติเหตุระเบิดบนแท่นในเดือนมิถุนายนก่อนการทดสอบเที่ยวบินที่ 10
อย่างไรก็ตาม การทดสอบเที่ยวบินที่ 10 หรือ Flight 10 เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม กลับกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ยาน Super Heavy ลงสู่ทะเลเม็กซิโกอย่างแม่นยำ ขณะที่ยาน Starship ลงจอดสู่มหาสมุทรอินเดียตามแผน พร้อมจุดไฟเครื่องยนต์ในอวกาศสำเร็จและปล่อยดาวเทียมจำลอง Starlink จำนวน 8 ดวงได้สมบูรณ์
เที่ยวบินที่ 11 หรือ Flight 11 ปิดฉากยุค Starship V2
การทดสอบเที่ยวบินที่ 11 หรือ Flight 11 มีเป้าหมายคล้าย Flight 10 แต่เพิ่มการทดลองใหม่ เช่น การเผาไหม้ขณะลงจอดแบบ “5 เครื่องยนต์” เพื่อจำลองเทคนิคของรุ่น V3 ที่จะใช้ในอนาคต โดย Super Heavy จุดเครื่องยนต์ 13 เครื่องในช่วงแรก ก่อนลดเหลือ 5 เครื่องเพื่อควบคุมทิศทางและลดความเร็วลงอย่างแม่นยำ
สำหรับจรวดบูสเตอร์ที่ใช้ในการทดสอบเที่ยวบินที่ 11 หรือ Flight 11 เป็นเครื่องเดิมจากการทดสอบเที่ยวบินที่ 8 หรือ Flight 8 โดยบริษัท SpaceX เปลี่ยนเครื่องยนต์เพียง 9 ตัว จากทั้งหมด 33 เครื่อง ส่วนยาน StarShip ได้รับการปรับแต่งเพื่อทดลองระบบนำทาง และทดสอบการกลับเข้าสู่บรรยากาศโดยถอดแผ่นป้องกันความร้อนบางส่วนออกเพื่อเก็บข้อมูลทางวิศวกรรมเพิ่มเติมอีกด้วย
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
