รีเซต

สธ. เตรียมคลายมาตรการล็อกดาวน์ คาดเปิด “ทันตกรรม” ต้น พ.ค. แต่คลินิกความงาม ต้องรอไปก่อน

สธ. เตรียมคลายมาตรการล็อกดาวน์ คาดเปิด “ทันตกรรม” ต้น พ.ค. แต่คลินิกความงาม ต้องรอไปก่อน
มติชน
20 เมษายน 2563 ( 15:59 )
918

 

เตรียมคลายมาตรการล็อคดาวน์ เมื่อวันที่ 20 เมษายน ที่ กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวถึงการชะลอผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ในสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 หรือ โควิด -19 โดยเตรียมทำแนวทางการใช้บริการทางการแพทย์ ในสถานพยาบาลเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ที่มี นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร เป็นประธาน

 

นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า โดยในส่วนของผู้ป่วยที่ไม่มีอาการรุนแรงเป็นโรคเรื้อรังทั่วไป ให้มีการแบ่งผู้ป่วย ออกเป็นสีเขียว สีเหลือง สีแดง ซึ่งในผู้ป่วย กลุ่มอาการสีเขียว แค่รับยาปกติยังคงให้รับยาต่อเนื่องทางระบบไปรษณีย์ต่อไป  หรือหากต้องมีการเจาะเลือด ก็เจาะเลือดในห้องปฏิบัติการใกล้บ้านได้ และการพูดคุยกับผู้ป่วยในระบบวีดิโอคอล ซึ่งแนวทางนี้มีการนำร่องในสถาบันประสาทวิทยา มีผู้ป่วยตอบรับแล้ว 1,000 คน จากการสอบถามผู้ป่วยบางคนก็บอกว่าชอบระบบนี้ เพราะทำให้ประหยัดค่าใช้จ่าย

 

นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า การเปิดบริการสถานพยาบาลนั้น ให้กลับมาดำเนินการปกติ แต่เดิมคนผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงยังสามารถมารับบริการได้ แต่จะเห็นว่า ความแออัดในโรงพยาบาล(รพ.)ลดลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะไม่ต้องการให้มีการไปรวมตัวกัน เพื่อลดการแพร่กระจายของโรค ในส่วนของผู้ป่วยที่จำเป็นต้องมีการผ่าตัด ให้มีการคัดกรองผู้ป่วย แล้วแยกห้องผ่าตัด 1 ห้อง จัดทำเป็นห้องความดันลบ เพื่อใช้ในการผ่าตัด ส่วนผู้ป่วยมะเร็ง ที่ต้องทำการผ่าตัดให้มีการรับตัวผู้ป่วยก่อน ตรวจคัดกรอง 3-4 วัน โควิด จนแน่ใจถึงทำการผ่าตัด โดยคาดว่าระบบการผ่าตัดนี้จะสามารถเริ่มดำเนินการได้ในสิ้นเดือนเมษายนนี้ ซึ่งการจัดระบบนี้ให้ดูตามบริบทของแต่ละพื้นที่ ดูจากจำนวนผู้ป่วยโควิด -19 คาดว่าพื้นที่ 9 จังหวัดที่ไม่มีผู้ป่วยผู้ติดเชื้อโควิด-19 สามารถเริ่มดำเนินการได้ทันที

 

“สำหรับผู้ป่วยมะเร็งที่ต้องใช้รังสีรักษานั้นได้มีการหารือร่วมกับสำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข ว่า ต่อไปให้สามารถไปรับรังสีรักษาได้ใน รพ.ศูนย์มะเร็งโดยเฉพาะไม่จำเป็นต้องเดินทางไปรักษายังโรงพยาบาลศูนย์ อีกต่อไป เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากโรคแทรกซ้อนอื่นๆ  ขณะเดียวกันได้มีการหารือทำแนวทางมาตรการการรักษาพยาบาล สำหรับกลุ่มทันตแพทย์ ที่ต้องใกล้ชิดกับผู้ป่วย เพราะในการทำฟัน อาจได้รับการฟุ้งกระจายของน้ำลาย

 

โดยให้ทันตแพทย์ต้องสวมหน้ากากอนามัยแบบ N95 และ สวมหน้ากากแบบกระจังหน้า (Face Shield) พร้อมก่อนการรักษาพยาบาล ต้องมีการตรวจคัดกรองวัดไข้ จนแน่ใจถึงรับการรักษาเพื่อความปลอดภัยของแพทย์ ครบคลุมถึงคลินิกทันตกรรมทุกที่  โดยคาดว่าการเปิดให้บริการทันตแพทย์จะสามารถทำได้ในต้นเดือนพฤษภาคมนี้ ส่วนกลุ่มการรักษาพยาบาลแบบเสริมความงามทั้งฉีดฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ จะพิจารณาเป็นสิ่งสุดท้ายเพราะไม่มีความจำเป็นน้อยที่สุด อย่างสถาบันผิวหนังก็ให้ชะลอการเปิดไปก่อน” นพ.สมศักดิ์ กล่าว

 

นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง