โควิด-19 : มาตรการดึงดูดนักท่องเที่ยว ทำให้คนรู้สึกเป็น “พลเมืองชั้นสอง” ในประเทศของตัวเอง
"เราได้รับการปฏิบัติเหมือนกับเป็นพลเมืองชั้นสองในประเทศของเราเอง" ผู้ใช้งานทวิตเตอร์คนหนึ่งในตุรกีแสดงความไม่พอใจ
ไม่ได้มีเพียงเขาที่คิดเช่นนั้น ชาวตุรกีอีกหลายพันคนต่างระบายความโกรธผ่านทางโซเชียลมีเดีย หลังจากเห็นวิดีโอส่งเสริมการท่องเที่ยวของกระทรวงการท่องเที่ยวที่เน้นย้ำว่า ตุรกีเป็นจุดหมายปลายทางที่ปลอดภัยจากโควิด
คลิปวิดีโอ ซึ่งทางกระทรวงได้ลบออกไปแล้ว เป็นภาพเจ้าหน้าที่ในโรงแรมและชายหาดต่าง ๆ ซึ่งอยู่ในภาคการท่องเที่ยวของตุรกี สวมหน้ากากสีเหลืองที่มีข้อความว่า "ขอให้สนุก ผม (ฉัน) ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว"
ขณะนี้มีประชากรในตุรกีที่ได้รับวัคซีนแล้วเพียงประมาณ 14%
แต่รัฐบาลได้เริ่มรณรงค์ให้วัคซีนแก่ทุกคนที่ทำงานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวก่อนที่จะถึงช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวช่วงหน้าร้อนนี้ การท่องเที่ยวเป็นภาคส่วนที่สำคัญอย่างยิ่งของเศรษฐกิจของตุรกี
นักท่องเที่ยวจากประเทศส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องแสดงผลตรวจโควิดแบบพีซีอาร์ เพื่อเข้ามาในตุรกี และระหว่างที่มีการล็อกดาวน์เต็มรูปแบบในตุรกี พวกเขาก็สามารถเดินทางไปข้างนอกได้ขณะที่พลเมืองชาวตุรกี หากไม่ได้ทำงานในภาคการท่องเที่ยวหรืองานที่มีความจำเป็น ก็ต้องอยู่แต่ภายในบ้าน
"น่าละอาย" ผู้หญิงคนหนึ่งเขียนในโพสต์ที่เธอแชร์รูปภาพของวัวตัวหนึ่งที่มีป้ายติดอยู่ที่หูทั้งสองข้าง
ภาพ "วัวที่ได้รับวัคซีน" ถูกส่งต่อกันอย่างรวดเร็วทางอินเทอร์เน็ต และคนจำนวนมากต่างพากันโพสต์ภาพวัว
ไม่นานนี้ ตุรกีมีจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 พุ่งสูงขึ้น ทำให้ต้องมีการล็อกดาวน์เต็มรูปแบบช่วงเดือน พ.ค. นาน 2 สัปดาห์
ประชาชนต้องการเห็นการเร่งฉีดวัคซีนที่เร็วขึ้นให้กับทุกคน
"1 ดอลลาร์ เท่ากับ 8.5 ลีราตุรกี" โพสต์หนึ่งทางทวิตเตอร์ระบุ "และนักท่องเที่ยว 1 คน เท่ากับ คนทำงานภาคการท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนแล้วหลายพันคน"
"ในฐานะชาวเติร์ก ผมไม่เคยรู้สึกอับอายขายหน้าเช่นนี้มาก่อน" คือความรู้สึกของ อิซเซต์ คาพา คอลัมนิสต์
นายเมวุต คาวูโซกลู รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกี ปกป้องจุดยืนของรัฐบาล โดยระบุว่า ผู้คนพูดถึงเฉพาะนักท่องเที่ยวที่เป็นชาวต่างชาติ ขณะที่นักท่องเที่ยวที่เป็นพลเมืองตุรกีเองก็เดินทางไปเที่ยวตามชายหาดต่าง ๆ และเข้าพักในโรงแรมเช่นกัน
ก่อนการระบาดใหญ่ในปี 2019 นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศสร้างรายได้ให้แก่ตุรกีมากกว่า 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 9.4 แสนล้านบาท)
ปีนี้ รัฐบาลตุรกีต้องการจะเห็นนักท่องเที่ยวกลับมา
"นักท่องเที่ยวนำเงินตราต่างประเทศเข้ามา และพวกเขามีส่วนในการช่วยแก้ปัญหาการว่างงาน...คุณไม่ต้องการให้พวกเขามาตุรกีและอยากให้เศรษฐกิจตกต่ำเหรอ" ผู้ใช้งานทวิตเตอร์คนหนึ่งที่สนับสนุนนโยบายของรัฐบาลระบุ
"ทราเวิล บับเบิ้ล" ของศรีลังกา
มีการถกเถียงที่คล้ายกันในนี้เกิดขึ้นในศรีลังกา ซึ่งเป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีเศรษฐกิจพึ่งพาการท่องเที่ยวอย่างมาก
ในปี 2019 การท่องเที่ยวและการเดินทางสร้างรายได้มากกว่า 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 2.5 แสนล้านบาท) ให้แก่เศรษฐกิจศรีลังกา หรือคิดเป็นเกือบ 10% ของจีดีพี
การต้องการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ซบเซาในช่วงการระบาดใหญ่ของโควิด ทางการได้มุ่งเน้นไปที่การนำนักท่องเที่ยวรัสเซียเข้าประเทศ ขณะที่ศรีลังกากำลังต่อสู้กับไวรัสโคโรนาอยู่
มีประชากรในศรีลังกาที่ได้รับวัคซีนแล้วเพียง 10% เศษ และศรีลังกาก็กำลังต้องการเครื่องออกซิเจนอย่างเร่งด่วน ในจำนวนของหลายอย่างที่ต้องการเพื่อใช้รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ในขณะนี้
แต่การเห็นชาวต่างชาติมีความสุขกับการท่องเที่ยว ขณะที่ชาวศรีลังกากำลังมีชีวิตอยู่ด้วยข้อจำกัดเพื่อป้องกันการระบาดของโควิดหลายอย่าง ทำให้คนบางส่วนรู้สึกไม่สบายใจ
ในปีนี้ เมื่ออารูนา อาเบย์กูนาวาร์ดีน เดินทางกลับมาถึงศรีลังกา หลังจากเข้ารับการผ่าตัดที่เยอรมนี เขาต้องกักตัวในโรงแรมที่รัฐบาลกำหนดอย่างเข้มงวดนาน 2 สัปดาห์
"ผมได้รับอนุญาตให้เดินไปที่เพียงประตูห้องของโรงแรมผมเท่านั้น" เขาบอกกับบีบีซี
"ผมถูกล็อกอยู่ข้างใน แต่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากบนชายหาดของศรีลังกา"
ขณะที่กำลังเปลี่ยนช่องโทรทัศน์ในห้องพักของโรงแรม อารูนา บอกว่า เขาเห็นกลุ่มนักท่องเที่ยวกำลังสนุกกับการว่ายน้ำในทะเล พร้อมกับมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยติดอาวุธหลายคนคอยดูพวกเขาอยู่ใกล้ ๆ นั่นคือกลุ่มชาวยูเครนที่เพิ่งเดินทางมาถึงศรีลังกาในโครงการของรัฐบาล ก่อนที่กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียจะเดินทางมา
โครงการนี้มีชื่อเรียกว่า "ทราเวิล บับเบิ้ล" (travel bubble) ซึ่งอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศหลังจากกักตัวเพียงไม่กี่วัน ขณะที่พลเมืองชาวศรีลังกาต้องกักตัวนานกว่ามากเมื่อเดินทางเข้าประเทศ
"มันเหมือนกับการปฏิบัติต่อชาวศรีลังกาเป็นพลเมืองชั้นสอง" อารูนา กล่าว "ผมรู้จักหลายคนที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมกระทั่งงานศพของพ่อแม่ตัวเอง แต่นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางได้อย่างอิสระ"
เรื่องที่ว่าญาติของประธานาธิบดีโกตาบายา ราชปักษา ของศรีลังกา เป็นผู้นำกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวยูเครนกลุ่มนี้เข้ามาในประเทศ ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ขึ้น
ช่วงที่คนในประเทศหลายพันคนถูกจับกุมตัวเพราะละเมิดมาตรการกักตัวและล็อกดาวน์ มีการแสดงความเห็นอย่างดุเดือดทางโซเชียลมีเดีย
วาซันทา ซามาราซิงเฮ นักการเมืองฝ่ายค้าน รู้สึกว่าถูกหักหลัง "คุณต้องการให้ประชาชนศรีลังกาทุกคนกักตัวเอง เพื่อที่นักท่องเที่ยวจะได้ออกไปเที่ยวได้เหรอ" เขาถาม
อูดายังกา วีระทุนกา ญาติของประธานาธิบดีซึ่งจัดการนำเที่ยวนี้ ตอบข้อความทางเฟซบุ๊กว่า เขารู้สึกผิดหวังที่ผู้คนไม่เห็นความสำคัญของนักท่องเที่ยว
"พวกเขาไม่เข้าใจว่า การนำนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศในช่วงเวลานี้ยากเย็นขนาดไหน" เขาเขียน
เอ็มเร อาซิสเลอร์ลี ร่วมรายงาน
........
ข่าว BBCไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ข่าวสด เป็นความร่วมมือระหว่างสององค์กรข่าว