ครม. มีมติเห็นชอบออกสลากการกุศล สนับสนุน 11 โครงการ
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบการออกสลากการกุศล เพื่อสนับสนุนโครงการที่ผ่านการกลั่นกรองจากคณะกรรมการพิจารณาโครงการสลากฯ จำนวน 11 โครงการ วงเงินรวม 837.65 ล้านบาท
โดยมีโครงการที่ได้รับการสนับสนุน ดังนี้
1. โครงการก่อสร้างโรงอาหารคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย โดยให้การสนับสนุนค่าก่อสร้างโรงอาหารขนาดเล็ก 260 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะอาหารจำนวน 44 ตัว และเก้าอี้จำนวน 88 ตัว หน่วยงานเจ้าของโครงการ โรงเรียนคีรีราษฎร์พัฒนา จังหวัดนครศรีธรรมราช วงเงิน 4.13 ล้านบาท
2. โครงการก่อสร้างหลังคาคลุมลานอเนกประสงค์ โดยให้การสนับสนุนค่าก่อสร้างหลังคาคลุมลานอเนกประสงค์ สำหรับนักเรียน ครู บุคลากร และประชาชนในพื้นที่ เพื่อใช้ทำกิจกรรม หน่วยงานเจ้าของโครงการ โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ จังหวัดนครศรีธรรมราช วงเงิน 19.01 ล้านบาท
3. โครงการขอสนับสนุนเครื่องมือและครุภัณฑ์ทางการแพทย์ สำหรับอาคารวัฒนเวชและศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะโรค โดยให้การสนับสนุนงบประมาณเพื่อจัดซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์สำหรับ 7 ศูนย์ความเชี่ยวชาญ และ 6 หน่วยบริการจำนวน 38 รายการ หน่วยงานเจ้าของโครงการโรงพยาบาลราชบุรีราชบุรี จังหวัดราชบุรี วงเงิน 100.50 ล้านบาท
4. โครงการพัฒนาการตรวจและรักษาผู้ป่วย โดยใช้เทคโนโลยีนวัตกรรมส่องกล้องตรวจรักษาที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย โดยให้การสนับสนุนงบประมาณเพื่อจัดซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์จำนวน 5 รายการ หน่วยงานเจ้าของโครงการ โรงพยาบาลเกาะสมุย วงเงิน 10.10 ล้านบาท
5. โครงการพัฒนาการสาธารณสุขมูลฐานและระบบบริการสาธารณสุขปฐมภูมิ ศูนย์บริการสาธารณสุขเทศบาลนครเชียงราย โดยให้การสนับสนุนงบประมาณเพื่อจัดหาครุภัณฑ์จำนวน 42 รายการ ในการให้บริการประชาชนในศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 4 แห่ง รวมถึงจัดหาครุภัณฑ์ให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน เพื่อดูแลดูแลส่งเสริมสุขภาพแก่คนในชุมชนทั้ง 65 ชุมชน หน่วยงานเจ้าของโครงการ เทศบาลนครเชียงราย วงเงิน 22.93 ล้านบาท
6. โครงการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศกับงานวินิจฉัยโรคทางพยาธิวิทยา และนวัตกรรมทางการธนาคารเลือด โดยให้การสนับสนุนงบประมาณเพื่อพัฒนาระบบสารสนเทศ และอำนวยความสะดวกในการให้บริการทางห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ และจัดหาครุภัณฑ์จำนวน 14 รายการ จัดจ้างเป็นสัญญาเดียว หน่วยงานเจ้าของโครงการ มูลนิธิสถาบันพยาธิวิทยา วงเงิน 47 ล้านบาท
7. โครงการเพิ่มศักยภาพบริการทางการแพทย์โรงพยาบาลหัวไทร สู่ความเป็นโรงพยาบาลชั้นนำ โดยให้การสนับสนุนงบประมาณเพื่อดำเนินกิจกรรมที่ 5 ก่อสร้างอาคารโรงซ่อมบำรุงพัสดุ หน่วยงานเจ้าของโครงการ โรงพยาบาลหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช วงเงิน 8.51 ล้านบาท
8. โครงการจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ ครุภัณฑ์ที่จำเป็นและปรับปรุงอาคารสถานที่เพื่อเพิ่มขีดความสามารถ และพัฒนาศักยภาพในการรักษาพยาบาลของโรงพยาบาลทหารผ่านศึก โดยให้การสนับสนุนงบประมาณเพื่อดำเนินกิจกรรม 2 กิจกรรม ดังนี้
8.1 จัดซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์และครุภัณฑ์ที่จำเป็น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรักษาพยาบาล ระยะเวลาดำเนินการในปี 2567
8.2 การปรับปรุงอาคารสถานที่ภายในโรงพยาบาลทหารผ่านสึก และศูนย์อายุรวัฒน์ทหารผ่านศึก และผู้สูงอายุ หน่วยงานเจ้าของโครงการ องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์ วงเงิน 162.84 ล้านบาท
9. โครงการพัฒนาศักยภาพการผ่าตัดผู้ป่วยโรคหัวใจ มะเร็ง และอุบัติเหตุ โดยให้การสนับสนุนงบประมาณเพื่อจัดซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์ จำนวน 35 รายการ สำหรับผ่าตัดในห้องผ่าตัดและห้องตรวจโซนหัวใจชั้น 5 ห้องผ่าตัดเพิ่มและห้องพักฟื้น ชั้น 6 และ 7 ที่ยังไม่มีงบประมาณสำหรับครุภัณฑ์ ระยะเวลาดำเนินการปี 2567-2568 หน่วยงานเจ้าของโครงการ โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตจังหวัดภูเก็ต วงเงิน 196.20 ล้านบาท
10. โครงการสลากเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ผ่านการสร้างโอกาสทางการศึกษาสายอาชีพและการเรียนรู้สำหรับผู้พิการ เด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษา โดยให้การสนับสนุนงบงบประมาณเพื่อดำเนินกิจกรรมตามแผนงานจำนวน 2 แผนงาน ได้แก่ แผนงานที่ 1 แผนการพัฒนาและศึกษาต่อในระดับสูงกว่าการศึกษาขั้นพื้นฐาน (หลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล/ผู้ช่วยทันตแพทย์ ประเภททุน 1 ปี) และแผนงานที่ 2 แผนการพัฒนาการเรียนรู้และอาชีพแก่เด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาโดยใช้พื้นที่เป็นฐาน หน่วยงานเจ้าของโครงการ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา วงเงิน 135.98 ล้านบาท
11. โครงการปรับปรุงห้องผ่าตัดอาคารศัลยกรรม โดยให้การสนับสนุนงบประมาณเพื่อการจัดหาครุภัณฑ์ทางการแพทย์จำนวน 8 รายการ เพื่อทดแทนและเพิ่มศักยภาพในด้านการบริการทางการแพทย์ภายในห้องผ่าตัดอาคารศัลยกรรม คณะแพทย์ศาสตร์บริเวณชั้น 5 และชั้น 6 เพื่อให้บริการด้านการพยาบาลผู้ป่วยผ่าตัดศัลยกรรม หน่วยงานเจ้าของโครงการ คณะแพทยศาสตร์ วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช วงเงิน 130.45 ล้านบาท
โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า การดำเนินการโครงการสลากฯ จะช่วยสนับสนุนโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาด้านการสาธารณสุข การป้องกันและบรรเทาโรคติดต่อ และการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม รวมทั้งก่อประโยชน์ให้แก่ประชาชนและสังคมที่ไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากภาครัฐอย่างทั่วถึงในวงกว้าง หรือได้รับการจัดสรรแต่ไม่เพียงพอให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงิน ซึ่งจะทำให้ประชาชนได้รับการบริการสาธารณสุขและบริการขั้นพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพอย่างทั่วถึง และสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น รวมทั้งลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมได้อีกทางหนึ่ง