รีเซต

'พิพัฒน์' ปิ๊งดึงต่างชาติในไทย 1 ล้านคนทัวร์ไทย นำร่องคุ้งบางกะเจ้า-เส้นทางวิถีเกษตร ต.บางยอ ททท.ดันเฟส 2 เที่ยวปันสุข

'พิพัฒน์' ปิ๊งดึงต่างชาติในไทย 1 ล้านคนทัวร์ไทย นำร่องคุ้งบางกะเจ้า-เส้นทางวิถีเกษตร ต.บางยอ ททท.ดันเฟส 2 เที่ยวปันสุข
มติชน
4 สิงหาคม 2563 ( 09:51 )
85
'พิพัฒน์' ปิ๊งดึงต่างชาติในไทย 1 ล้านคนทัวร์ไทย นำร่องคุ้งบางกะเจ้า-เส้นทางวิถีเกษตร ต.บางยอ ททท.ดันเฟส 2 เที่ยวปันสุข

‘พิพัฒน์’ ปิ๊งดึงต่างชาติในไทย 1 ล้านคนทัวร์ไทย กระตุ้นท่องเที่ยว นำร่องคุ้งบางกะเจ้า-เส้นทางวิถีเกษตร ตำบลบางยอ ททท.ดันเฟส 2 เที่ยวปันสุข สิงหาคมสรุป รัฐช่วยค่าห้อง 60%

 

เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนในโครงการเที่ยวปันสุขจนมีผู้สนใจลงทะเบียนเกือบ 5 ล้านคน และมียอดจองห้องพักโรงแรมทะลุ 3 แสนห้อง ล่าสุดนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยเมื่อวันที่ 2 สิงหาคมว่า ความคืบหน้าแนวทางการเปิดโครงการเที่ยวปันสุข ในส่วนของแพคเกจเราเที่ยวด้วยกันเฟส 2 หลังจากประเมินแล้วคาดว่าจะเหลืองบประมาณจากการดำเนินการอยู่บางส่วน จากทั้งหมด 22,400 ล้านบาท จึงจะนำงบประมาณที่เหลือมาใช้กับเราเที่ยวด้วยกันเฟส 2 ซึ่งจะมีความชัดเจนภายในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ ทั้งในส่วนของรูปแบบโครงการและสิทธิพิเศษที่จะมีเพิ่มเติม และระยะเวลาในการดำเนินการ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง โดยจะพิจารณารูปแบบที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้ผู้ที่ทำการจองเที่ยวในเฟส 1 เสียเปรียบผู้ที่จองเที่ยวในเฟส 2 และเพื่อไม่ให้เป็นการรอนสิทธิผู้ที่เดินทางเที่ยวก่อนหน้าแล้ว

 

นายยุทธศักดิ์กล่าวว่า จากเดิมกำหนดเวลาของโครงการไว้ 4 เดือน (กรกฎาคม-ตุลาคม 2563) เพราะคาดว่าไตรมาส 4/2563 จะมีต่างชาติเข้ามาได้มากขึ้น ซึ่งจะต่อเนื่องจากการกระตุ้นเที่ยวในประเทศทันที แต่จากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในต่างประเทศที่ยังมีความรุนแรงอยู่ ทำให้ไม่มีความชัดเจนที่จะอนุญาตให้ต่างชาติเข้ามา จึงจะพิจารณาขยายระยะเวลาในการกระตุ้นเที่ยวในประเทศ ผ่านโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ในงบประมาณที่เหลืออยู่ ทั้งการกระตุ้นเที่ยวเมืองรอง และเที่ยววันธรรมดามากขึ้น รวมถึงจะขยายให้ผู้ประกอบการโรงแรมเข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้น

 

เล็งเที่ยววันธรรมดารัฐช่วย60%

“ที่ผ่านมาได้หารือกับกระทรวงการคลังพบว่า พฤติกรรมการท่องเที่ยวของคนไทยไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก นิยมเดินทางเที่ยวในช่วงวันหยุดและวันหยุดยาวมากที่สุด จึงหารือกันเพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางมากขึ้น อาจพิจารณาการกระจายชดเชยวันหยุดสงกรานต์ที่ยังเหลืออยู่เพื่อเกิดวันหยุดยาวเพิ่มขึ้น ส่วนการหารือเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการกระจายการท่องเที่ยวในเมืองหลักและเมืองรอง รวมถึงการกระตุ้นให้เที่ยววันธรรมดามากขึ้น จะใช้กลไกอะไรดึงดูดใจเพิ่มเติม อาทิ การปรับสัดส่วนการสนับสนุนส่วนต่างๆ จากเดิมรัฐช่วย 40% จ่ายเอง 60% เปลี่ยนเป็นจ่ายเอง 40% รัฐช่วย 60% แต่ยังอยู่ในชั้นการพิจารณาเบื้องต้น ส่วนจะทำได้หรือไม่ขึ้นจะมีการหารือร่วมกันอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เพิ่งผ่านไป 2 สัปดาห์กว่า มีการจองห้องพักแล้ว 359,684 ห้อง มีการเช็กอินแล้วกว่า 50,000 ห้อง ถือว่าอยู่ในระดับที่ดี” นายยุทธศักดิ์กล่าว

 

นายยุทธศักดิ์กล่าวว่า แม้ยังไม่ได้ข้อยุติการสนับสนุนส่วนต่างในการเที่ยววันธรรมดา แต่ ททท.ยังเดินหน้าพิจารณาจัดทำแพคเกจพิเศษ โดยมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายที่ไม่มีข้อจำกัดในการเดินทาง อาทิ กลุ่มคนไทยนิยมเที่ยวนอกที่มีจำนวน 12 ล้านคนต่อปี กลุ่มต่างชาติที่อาศัยในไทย จำนวน 2 ล้านคน และกลุ่มจัดประชุมสัมมนาประมาณ 1 ล้านคน ซึ่งจะออกมาจากโครงการเที่ยวปันสุข โดยจะใช้งบของ ททท.ที่มีอยู่ในการดำเนินโครงการ เป็นการปรับรูปแบบการใช้งบประมาณของ ททท.ในการกระตุ้นให้เกิดการเดินทาง เพื่อช่วยให้ตลาดท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวกลับมาให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะการเพิ่มความถี่ในการพักค้างแรม ประเมินว่าผู้ประกอบการโรงแรมจะอยู่ได้หากมีการเข้าพักในอัตรา 28% แต่ขณะนี้มีการเข้าพักเพียง 5% เท่านั้น จึงต้องกระตุ้นให้อัตราเข้าพักเพิ่มขึ้น ซึ่งถือเป็นโจทย์ที่ท้าทายมาก โดยจะมีความชัดเจนภายใน 1 สัปดาห์

 

“กำลังซื้อในประเทศยังไม่ได้มีมากนัก สะท้อนจากการค้าปลีกที่ยังไม่ได้เดินหน้ามากนัก คนระมัดระวังในการใช้จ่าย ทำให้การท่องเที่ยวอาจไม่ใช่สิ่งจำเป็น การตัดสินใจเที่ยวอาจชะลอออกไป เพื่อรอส่วนลดที่ดีที่สุดก่อน ทำให้ต้องจับทางให้ชัดเจนว่า คนกลุ่มใดที่ยังมีการออกเดินทางจริงอยู่” นายยุทธศักดิ์กล่าว

 

5ส.ค.รมว.ท่องเที่ยวถกซอฟต์โลน

นายยุทธศักดิ์กล่าวถึงการจับคู่ประเทศเดินทางท่องเที่ยวระหว่างกัน (แทรเวล บับเบิล) ในประเทศที่มีความเสี่ยงระบาดโควิด-19 น้อยไม่แตกต่างจากไทย เนื่องจากโครงสร้างในภาคการท่องเที่ยวไทย อาศัยรายได้จากต่างชาติ 2 ใน 3 ส่วน ซึ่ง ททท.ก็พยายามช่วยเหลือผู้ประกอบการ ผ่านการดึงตลาดต่างชาติเข้ามาเพิ่มเติม แต่ต้องปรับเปลี่ยนมาตรการให้สอดคล้องกับการแพร่ระบาดมากขึ้น อาทิ การเข้ามาจะต้องกักตัว 14 วัน
การจำกัดพื้นที่ในการท่องเที่ยวและพักแรม ซึ่งจะต้องสอบถามความสมัครใจของคนในพื้นที่ด้วย โดยคาดหวังในไตรมาส 4/2563 จะสามารถเปิดน่านฟ้าให้ต่างชาติเข้ามาได้ ซึ่งจะเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการใช้จ่าย และพำนักในระยะยาว แต่หากยังไม่สามารถเปิดน่านฟ้าได้ จำนวนต่างชาติทั้งปี 2563 จะทำได้เพียง 7 ล้านคน ซึ่งมีสะสมในช่วง 6 เดือนแรกประมาณ 6.75 ล้านคน
อยู่แล้ว

 

“กรณีการเปิดให้ต่างชาติเข้ามา จะจำกัดให้อยู่ในพื้นที่ปิด ซึ่งพิจารณาในหลายพื้นที่ไว้แล้ว แต่ยังต้องดูว่าคนในพื้นที่ หากมีต่างชาติไปพัก คนในพื้นที่จะสามารถเดินทางข้ามจังหวัดได้หรือไม่ โดยกรณีนี้จะไม่เหมือนกรณีพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เดินทางมาจากอียิปต์ ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยง แต่ไม่ยอมกักตัว ซึ่งในกรณีต่างชาติที่จะอนุญาตให้เข้ามา ต้องมาจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ 30-60 วันพิจารณาให้เข้ามาเป็นรายพื้นที่ รายเมือง ที่ไม่พบผู้ติดเชื้อใหม่เป็นเวลานาน ไม่ได้อนุญาตให้เข้ามาเป็นรายประเทศทั้งหมด” นายยุทธศักดิ์กล่าว

 

ดึงต่างชาติในไทยเที่ยวใกล้กทม.

ด้านนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า มีแนวคิดส่งเสริมตลาดชาวต่างชาติที่ทำงานและพำนักในประเทศไทย หรือเอ็กซ์แพท (Expats) ให้เดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย ทดแทนการเดินทางออกไปเที่ยวยังประเทศเพื่อนบ้านในช่วงเวลาวันหยุด จากการศึกษาพฤติกรรมการท่องเที่ยวของชาวต่างชาติกลุ่มนี้ชื่นชอบการท่องเที่ยวเรียนรู้วิถีชีวิตของคนไทยและท่องเที่ยวธรรมชาติ จึงเตรียมนำเสนอพื้นที่คุ้งบางกะเจ้า ซึ่งเป็นปอดของกรุงเทพฯ ที่องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หรือ อพท. ได้เข้าไปพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวไว้ 6 เส้นทางใน 6 ตำบล ได้แก่ เส้นทางท่องเที่ยววิถีมอญ ตำบลทรงคนอง เส้นทางท่องเที่ยววิถีคลองแพ ตำบลบางกอบัว เส้นทางท่องเที่ยววิถีตลาดน้ำ ตำบลบางน้ำผึ้ง เส้นทางท่องเที่ยววิถีจาก ตำบลบางกระสอบ เส้นทางท่องเที่ยวอินไซด์ ตำบลบางกะเจ้า และเส้นทางท่องเที่ยววิถีเกษตร ตำบลบางยอ

 

“มีแนวคิดส่งเสริมการเดินทางนักท่องเที่ยวกลุ่มเอ็กซ์แพท ในแคมเปญ Explore the unseen Thailand (เรารู้จักกันดีพอหรือยัง) เชิญชวนนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศไทยเพิ่มขึ้นและถี่ขึ้น จึงจำเป็นต้องนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่มีเสน่ห์ดึงดูดให้เขาสนใจ ซึ่งบางกะเจ้าถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์ ประกอบกับมีโลเกชั่นที่เดินทางสะดวกจากภาคตะวันออกของประเทศไทย ซึ่งมีโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก และเป็นเมืองอุตสาหกรรมที่มีชาวต่างชาติและนักธุรกิจพำนักอยู่จำนวนมาก” นายพิพัฒน์กล่าว

 

และว่า ปัจจุบันชาวต่างชาติที่พำนักในไทยมีราว 2 ล้านคน ซึ่งมีประมาณ 1 ล้านคน นิยมใช้วันหยุดเดินทางไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านใกล้ๆ กับไทย ดังนั้น เมื่อรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ คนกลุ่มนี้จึงเป็นนักท่องเที่ยวเป้าหมายที่มีศักยภาพ กระทรวงจึงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดกิจกรรมท่องเที่ยวคุ้งบางกะเจ้า เป็นกิจกรรมนำร่อง โดยเชิญคณะทูต กลุ่มเอ็กซ์แพท และสื่อมวลชน รวมประมาณ 60 คน เดินทางเยี่ยมชมในเดือนสิงหาคมนี้ คาดหวังว่าเกิดความประทับใจในการร่วมเดินทางครั้งนี้และเกิดการบอกต่อ และเป็นกระแสมาเที่ยวกันมากขึ้น

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง