รีเซต

อาร์กติกกำลังละลาย ราคาที่โลกต้องจ่าย จากอุตสาหกรรมขนส่งทางเรือ

อาร์กติกกำลังละลาย ราคาที่โลกต้องจ่าย จากอุตสาหกรรมขนส่งทางเรือ
TNN ช่อง16
3 มิถุนายน 2568 ( 13:30 )
17

แบล็กคาร์บอน หรือเขม่าดำ เป็นอนุภาคที่เกิดจากกระบวนการเผาไหม้ ไม่ว่าจะเป็นการเผาเศษวัสดุชีวมวล วัชพืช ต้นไม้ การเผาเชื้อเพลิง รวมไปถึงการเผาไหม้เชื้อเพลิงของเครื่องยนต์ โดยเฉพาะไอเสียจากการเผ้าไหม้ของน้ำมันดีเซล แบล็กคาร์บอน เป็นหนึ่งสารเคมีที่ก่อให้เกิดมลพิษซึ่งมีผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรง แม้จะอยู่ในบรรยากาศในระยะเวลาไม่นาน แต่สามารถลอยไปได้ไกลและดูดซับความร้อนได้มากกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 900 เท่า เมื่ออนุภาคของแบล็กคาร์บอนตกลงบนพื้นผิวหิมะหรือธารน้ำแข็ง ก็จะลดการสะท้อนแสงของพื้นผิวนั้น นักวิทยาศาสตร์จึงเชื่อว่ามีส่วนสำคัญในการเร่งปฏิกิริยาการละลายของน้ำแข็งในอาร์กติกอย่างรวดเร็ว  

 

ตามรายงานขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ หรือ IMO พบว่า ช่วงปี 2015-2021 ในเขตทางทะเลอาร์กติกมีการปล่อยคาร์บอนเพิ่มขึ้นถึงเกือบ 2 เท่าตัว ซึ่งในปี 2021 พบการปล่อยแบล็กคาร์บอนถึง 1.5 กิโลตัน และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 12 กิโลตัน คิดเป็น 1 ใน 4 ของมลพิษที่เกิดขึ้นในแถบพื้นที่อาร์กติกซึ่งมีความเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แม้ว่าจะเป็นพื้นที่ห่างไกลและมีคนอาศัยอยู่น้อย แต่ผลกระทบจากมลพิษที่เกิดขึ้นนั้นรุนแรงกว่าที่ใครจะคาดคิด 

เดิมทีการเดินเรือในอาร์กติกมีเพียงแค่ไม่กี่เส้นทางเท่านั้น เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ถูกปกคลุมไปด้วยแผ่นน้ำแข็งขนาดใหญ่ แต่ในช่วงที่ผ่านมาทั่วโลกเผชิญกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลให้น้ำแข็งละลายเร็วขึ้นจากเดิม มีการคาดการณ์ว่าหากอัตราการเพิ่มขึ้นของก๊าซเรือนกระจกในทั่วโลกยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ในอนาคตอันใกล้น้ำแข็งในอาร์กติกอาจละลายจนสามารถเปิดเส้นทางการเดินเรือใหม่ได้โดยที่แทบจะไม่ต้องใช้เรือตัดน้ำแข็งนำทาง ข้อมูลนี้สร้างความกังวลให้กับนักวิทยาศาสตร์เป็นอย่างมาก

 

ถึงแม้ว่าสหภาพยุโรปจะมีการควบคุมการปล่อยมลพิษทางทะเล แต่กจากรายงานกลับพบว่าขอบเขตของการตรวจสอบนั้นยังแคบเกินไป เนื่องจากมุ่งเน้นการรายงานเฉพาะเรือที่จดทะเบียนสหภาพยุโรปเท่านั้น ซึ่งในความเป็นจริง มีเรือนสินค้าและเรือขนส่งจำนวนมากที่จดทะเบียนในประเทศอื่นแต่มีการเดินทางเข้าออกจากท่าเรือในยุโรปโดยใช้เส้นทางอาร์กติก ซึ่งเรือกลุ่มนี้ปล่อยแบล็กคาร์บอนมากกว่าเรือที่จดทะเบียนในสหภาพยุโรปมากถึง 2 เท่า จากข้อมูลยังระบุว่าเกือบร้อยละ 75 ของเรือขนส่งในแถบอาร์กติกมีเส้นทางเกี่ยวข้องกับ

ท่าเรือในสหภาพยุโรป นั่นหมายความว่าการขนส่งทางเรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการปล่อยมลพิษที่ในมหาสมุทรอาร์กติก ดังนั้นหากต้องการควบคุมมลพิษเพื่อลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สหภาพยุโรปจำเป็นต้องขยายขอบเขตในการตรวจสอบและรายงานการปล่อยมลพิษทางทะเลกับเรือขนส่งทุกลำที่เกี่ยวข้องกับท่าเรือในสหภาพยุโรป นอกเหนือจากเรือที่ขึ้นทะเบียนเท่านั้น นอกจากนี้นักวิจัยได้เสนอแนวทางในการปรับปรุงระบบการควบคุมการปล่อยมลพิษทางทะเล จำกัดการปล่อยมลพิษ ส่งเสริมให้ใช้เรือเชื้อเพลิงพลังงานสะอาด 

 

การขนส่งทางเรือเป็นหนึ่งในระบบโลจิสติกส์เก่าแก่และสำคัญที่สุดของโลก ช่วยเชื่อมโยงการค้าระหว่างประเทศ และทั่วโลกยังคงพึ่งพาการขนส่งและการเดินเรือเป็นหลัก เนื่องจากต้นทุนต่ำและสามารถบรรทุกสินค้าได้ในปริมาณมาก แต่ทั้งหมดนี้ก็แลกมากับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรงโดยเฉพาะภูมิภาคที่มีความเปราะบาง หากไม่มีการจัดการที่มีประสิทธิภาพมากเพียงพอ อาร์กติกอาจต้องเผชิญกับความล่มสลายทางสมดุลธรรมชาติอย่างไม่อาจย้อนกลับได้อีก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง