วัคซีนโควิด : หญิงไทยรับไฟเซอร์อีก 2 เข็ม หลังติดเชื้อ ทั้งที่รับซิโนฟาร์มครบโดสแล้ว
- ดร. ดวงยิหวา อุตรสินธุ์
- คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก วิทยาเขตอาบูดาบี
เช้าตรู่ของวันที่ฝนตกหนัก อากาศเย็นยะเยือกแม้อยู่ในช่วงฤดูร้อน ขณะฉันและสามีกำลังต่อแถวเข้าร้านอาหารเช้าชื่อดังริมท่าเรือของเมืองพอร์ตแลนด์ เมืองท่องเที่ยวสำคัญของรัฐเมน ชายผิวขาววัยกลางคน 2 คนเดินออกมาจากร้านอาหาร ทั้งสองมองเราเหมือนเป็นตัวประหลาด หนึ่งในนั้นตะโกนใส่หน้าฉันว่า
"เธอเป็นบ้าอะไร จะใส่หน้ากากกันทำไมอีก คนเขาเลิกใส่กันแล้ว!"
เมื่อมองไปรอบตัว มีแค่เรา 2 คนที่ใส่หน้ากาก นอกนั้นคนที่กำลังยืนรอต่อแถวกันไม่มีใครใส่กันเลย ฉันตอบไปว่าฉันยังต้องการที่จะปกป้องตัวเองและคนอื่น โควิดยังไม่ได้หายไปไหน นายคนนั้นเดินส่ายหน้าใส่ก่อนจะตะโกนทิ้งท้ายใส่พวกเราว่า
"You guys are all f_ _ _ _ked up!!"
ช่วงที่โลกเริ่มเผชิญการระบาดของโควิดตั้งแต่ต้นปี 2019 และมนุษย์กำลังคิดค้นหาวัคซีนป้องกัน การใส่หรือไม่ใส่หน้ากากกลายเป็นสัญลักษณ์ของการช่วงชิงพื้นที่ทางการเมือง ในสหรัฐอเมริกา ฝ่ายอนุรักษ์นิยมสุดโต่งเชื่อว่าการใส่หน้ากากอนามัยคือสิ่งที่กลุ่มผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตหรือกลุ่มเสรีนิยมเห็นพ้อง พวกเขาอ้างว่าสหรัฐฯเป็นประเทศที่ถือระบอบประชาธิปไตย ดังนั้นจึงถือเป็นสิทธิ์ทางการเมืองของพวกเขา ที่เลือกที่จะไม่ใส่ ไม่ควรมีใครที่จะมาลิดรอนสิทธิ์การหายใจโดยปลอดโปร่งของพวกเขา
แต่พวกเขาละเลยที่จะเข้าใจว่าระบอบประชาธิปไตยคือการให้สิทธิ์ทางการเมืองต่อประชาชนทุกคนก็จริง แต่ต้องเป็นไปภายใต้ขอบเขตที่ว่าสิทธิ์ทางการเมืองที่ตัวเองมีจะไม่ไปทำร้าย รุกราน หรือย่ำยีสิทธิ์ทางการเมืองของผู้อื่น
การไม่ใส่หน้ากากของฝ่ายหนึ่งอาจทำร้ายหรือกระทั่งฆ่าคนอื่นด้วยการเป็นตัวแพร่กระจายโรคระบาด ด้วยเหตุนี้ผู้ว่าการของแต่ละรัฐต้องประกาศเป็นกฎหมายให้ทุกคนต้องใส่หน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ หากไม่ใส่จะจับและปรับ จวบจนกระทั่งทุกวันนี้หลายคนที่ยังเชียร์โดนัลด์ ทรัมป์ เลือกที่จะไม่ฉีดวัคซีนเพราะยังเชื่อว่าวัคซีนคือเครื่องมือทางการเมืองของพรรคเดโมแครต
การปะทะกันระหว่างอุดมการณ์ทางการเมืองของ 2 ฝ่ายยังมีให้เห็นอยู่โดยทั่ว ฉันไม่เคยคาดว่าจะเจอเหตุการณ์นี้ด้วยตัวเอง นายคนนั้นหาได้รู้ไม่ว่าพวกเราติดโควิดเมื่อเกือบ 2 เดือนที่แล้ว ใช้เวลาเป็นเดือนกว่าที่ร่างกายจะคืนสภาพจนเกือบปกติ การที่พวกเรายังใส่หน้ากากอนามัย ก็เพื่อป้องกันคนอื่นไม่ให้รับเชื้อจากพวกเราหากเรายังเป็นพาหะขณะเดียวกันพวกเราก็เข็ดขยาดกับการล้มป่วยเพราะโควิดอีก
ยูเออีกับความเข้มงวดในการสกัดโควิด
แท้จริงแล้ว ถิ่นพำนักหลักของเราอยู่ที่รัฐอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แต่มีเหตุให้เดินทางมาสหรัฐอเมริกา อาบูดาบีถือว่าเป็นรัฐที่มีมาตรการการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดได้เข้มงวดที่สุดจากทั้งหมด 7 รัฐของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี)
ระยะที่โควิดเริ่มระบาด ยูเออีประกาศล็อกดาวน์ แต่ละรัฐต่างประกาศเคอร์ฟิวสำทับอีกชั้น รถบรรทุกขนาดใหญ่ออกวิ่งฉีดน้ำทำความสะอาดถนนหนทางในช่วงเคอร์ฟิว ถือเป็นช่วงที่รัฐบาลแต่ละประเทศยังจับแพะชนแกะในเรื่องการจัดการการแพร่กระจายของเชื้อโควิด
รัฐอาบูดาบีเข้มงวดกว่ารัฐอื่นมาก ประกาศเปิดเมืองช้ากว่ารัฐอื่น ประชาชนที่จำเป็นต้องเดินทางเข้าออกระหว่างรัฐอาบูดาบีจะต้องตรวจหาเชื้อโควิดแบบ PCR (Polymerase Chain Reaction) และระบบการตรวจหาเชื้อแบบใช้ชุดตรวจแอนติเจนแบบทราบผลเร็ว แต่สถานที่ราชการมักนิยมผลการรับรองจากการตรวจแบบ PCR มากกว่า
เวลาเดินทางเข้าออกระหว่างรัฐ ผู้ที่เดินทางจะต้องตรวจก่อนเดินทางออกจากรัฐ 2 วัน และตรวจหาเชื้อก่อนกลับเข้ามาในรัฐล่วงหน้าก่อน 2 วัน พอกลับเข้ามาในรัฐอาบูดาบีก็ต้องตรวจซ้ำในวันที่ 4 ของวันที่กลับเข้ามา และตรวจซ้ำอีกรอบในวันที่ 8 เป็นการตรวจเพื่อย้ำว่าเราไม่มีเชื้อโควิดที่กำลังฟักตัวอยู่ในร่างกาย
วัคซีนฟรี
ด้วยความเข้มงวดในการตรวจโควิดของประเทศนี้ โอกาสการติดโควิดภายในรัฐอาบูดาบี จึงถือว่าค่อนข้างต่ำมาก อีกทั้งรัฐบาลยังจัดหาวัคซีนให้ทุกคนที่อาศัยอยู่ในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ไม่เว้นคนต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศของเขา พวกเราก็ได้รับสิทธิ์ในการฉีดวัคซีนซิโนฟาร์ม
หลังฉีดครบโดส เราทิ้งระยะห่างให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานตามที่ทางกระทรวงสาธารณสุขของรัฐอาบูดาบีแนะนำ นั่นคืออย่างน้อย 21 วัน พวกเราจึงเดินทางจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ไปสหรัฐอเมริกา ด้วยความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่าเมื่อได้วัคซีนกันครบ ทำตามที่รัฐบาลแนะนำทุกอย่าง ตรวจ PCR จนจมูกพรุนเสียขนาดนี้ โควิดคงไม่มาหาเรา
ทว่า 2 วันหลังเดินทางถึงรัฐเวอร์มอนต์ สหรัฐอเมริกา จู่ ๆ สามีชาวอเมริกันก็บ่นว่ารู้สึกแย่ ครั่นเนื้อครั่นตัว นั่งทานข้าวกันอยู่ก็นั่งห่อตัวเพราะปวดท้อง ปวดบริเวณท้องน้อย บ่นว่าเหมือนจะเป็นไข้หวัด หรือไม่ก็ไส้ติ่ง คืนนั้นเขานอนซมทั้งคืน วันรุ่งขึ้นจึงพาเขาไปห้องฉุกเฉิน ผลการตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด แต่หมอให้กลับบ้าน เพราะมองว่าอาการไม่มาก นอกจากนี้รัฐเวอร์มอนต์เป็นรัฐที่มีอัตราการติดเชื้อโควิดต่ำกว่ารัฐอื่น ๆ เนื่องเพราะความหนาแน่นของประชากรน้อย และมีอัตราการฉีดวัคซีนจนครบโดสต่อประชากรของรัฐสูงที่สุดในสหรัฐอเมริกาคือที่ 66.6% ในขณะนี้
ผ่านไป 2 วัน ฉันก็มีอาการบ้าง เริ่มจากแสบคอและปวดเมื่อยตามร่างกาย จึงไปตรวจแบบ PCR ที่แผนกตรวจเชื้อของโรงพยาบาล พอตกกลางคืน ฉันมีไข้ หนาว ๆ ร้อน ๆ เมื่อยเปลี้ยจนยืนแทบไม่ไหว ไอทั้งคืน แสบคอ ที่แปลกมากคือหูอื้อ อื้อแบบตุบ ๆ แถมมึน เหมือนสมองไม่ทำงาน ด้วยความที่มีโรคประจำตัว คือ หอบหืด และความดันสูง
วันรุ่งขึ้นจึงไปที่แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลเดิม บอกเจ้าหน้าที่ว่าฉันอาจติดโควิด เขาไม่ให้เข้าไปทันที ให้ออกไปยืนรอข้างนอก ส่งพยาบาลออกมาถามอาการ บอกว่าทำอะไรมากไม่ได้ ให้กลับไปนอนพัก ดื่มน้ำเยอะ ๆ ถ้าจะมาก็ให้มาตอนรู้สึกแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก พูดง่าย ๆ คือ ใกล้ตายแล้วค่อยมา
ฉันถามกลับไปว่าทำไมเขาถึงปฏิเสธเรา เพราะวันนั้นสามี อาการเดียวกัน เขารับเข้าตรวจในห้องฉุกเฉิน แล้วให้กลับบ้าน แต่กับเรา เขาไม่แม้กระทั่งจะให้เข้าไป เขาบอกว่าเขาทำความสะอาดห้องผู้ป่วยโควิดแล้ว และไม่มีผู้ป่วยจากโควิดมานานแล้ว ฉันจึงกลับมานอนพักที่บ้าน ดื่มน้ำ ทานยาลดไข้พาราเซตามอลไป คาดว่าคงดีขึ้น จากนั้นก็มีคนของรัฐเวอร์มอนต์ โทรมาแจ้งผลตรวจว่าเป็นบวก
ฉันงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และตั้งคำถามว่า เราฉีดซิโนฟาร์มมา 2 โดสแล้ว ทำไมถึงยังติดโควิด แม้ค่าประสิทธิภาพ (efficacy) ของซิโนฟาร์มอยู่ที่ 79% แต่พวกเราก็ยังติดโควิด พวกเราเป็นห่วงว่าจะเป็นตัวแพร่เชื้อให้กับคุณแม่วัย 75 ปีของสามี แม้ว่าคุณแม่ได้รับวัคซีนของโมเดอร์นา ครบ 2โดส 1 เดือนล่วงหน้าก่อนที่พวกเรามาถึงอเมริกา พวกเราก็ยังต้องคอยระวังเรื่องอาหารการกินและการใช้ห้องน้ำ แต่โชคดีที่ ผลตรวจโควิด 3 รอบของคุณแม่ออกมาเป็นลบทุกครั้ง
ขณะนอนพัก อาการของฉัน เป็นแบบเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ต่อมรับกลิ่นรับรสไม่ทำงาน ฉันสามารถยื่นหน้าลงไปในกระบะทรายแมวในระยะประชิดได้สบาย ๆ เพราะไม่ได้กลิ่นอะไรเลย ต่อมรับรสก็แย่ลง คืนถัดมาก็เริ่มมีอาการประหลาด ต้นคอแข็ง ปวดกรามกับใบหน้าซีกซ้าย เจ็บจนชา จากนั้นน้ำลายก็ไหลไม่หยุด ตอนแรกกลัวว่าจะเป็นอาการเส้นเลือดในสมองตีบแบบอ่อน (mild stroke) เพราะฉันมีทั้งความดันสูง และไขมันในเลือดสูง คืนนั้นอาการทรุดลง ไข้ขึ้น ไอไม่หยุด ไข้ขึ้นถึง 103 องศาฟาเรนไฮต์ อาจเพราะคิดว่าดีขึ้น เลยหยุดกินไทลีนอล
ฉันนอนกระสับกระส่ายทั้งคืน อาการคือหนาวสั่นแต่จับตัวแล้วร้อนจัด พอทานยา ดื่มน้ำตาม สักพักก็เหงื่อท่วมตัว จนเหมือนจะดีขึ้น คืนถัดมาเลยทานยากัน ทั้ง NyQuil และ Ibuprofen ถ้าอยู่ไทยหรือเมืองใหญ่ป่านนี้ฉันคงถูกแอดมิตไปแล้ว นี่ดันมาป่วยแถบชานเมืองชนบทของอเมริกา คือต้องใกล้ตายหมอถึงจะช่วย แต่ก็ยังมีข้อดีคือทางนี้จะมีคนของรัฐคอยโทรมาถามอาการคนที่ติดโควิดอย่างใกล้ชิด
ถ้านับวันตั้งแต่ที่ติด ฉันยังต้องกักตัว จนครบ 14 วัน แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าฟังจากอาการแล้ว เขาแนะนำให้พักยาวกว่านั้น อย่าเพิ่งออกกำลังกายหนัก เพราะปอดยังไม่แข็งแรงดี โทรคุยกับหมอ เขาก็แนะนำให้ไปเอกซเรย์ปอดหลังจากนี้
จนวันที่ 10 ของการพักรักษาตัวที่บ้าน คิดว่า อาการดีขึ้น ออกไปเดินเล่นยามเย็น เดินแค่ประมาณกิโลนิด ๆ แล้วคืนนั้นก็ทรุดอีก รอบนี้หายใจไม่ออก รู้สึกว่าตรงช่วงหลอดลมมันตีบ ต้องใช้ยาพ่นตลอดเวลา ปกติไม่ได้ใช้มานานมาก พอนอนราบกลับยิ่งหายใจไม่ออก ต้องนั่งหลับ วันรุ่งขึ้นจึงไปโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ Dartmouth-Hitchcock ในรัฐนิวแฮมเชียร์ ยอมขับไปไกล ประมาณชั่วโมงครึ่ง แต่อุ่นใจกว่าโรงพยาบาลเล็ก เมื่อวันก่อน
พอไปถึงห้องฉุกเฉิน ชี้แจงตามความเป็นจริงว่าติดโควิด เจ้าหน้าที่ที่ยืนกันอยู่ต่างผงะ ถอยห่างช้า ๆ เขาบอกให้ฉันยืนรอข้างนอก จะให้เจ้าหน้าที่เฉพาะมาดูแล เขาอธิบายว่าคนไข้โควิดแทบไม่มีแล้ว เขาเลยต้องเตรียมห้องเฉพาะให้ สักพักมีนางพยาบาลมารับตัว พาไปห้องฆ่าเชื้อ หนังที่เกี่ยวกับเชื้อโรคเป็นยังไง ที่ฉันเจอคืออย่างนั้น เข้าห้องฆ่าเชื้อ มีเตียงเดียว พยาบาลใส่ชุดครบกันเชื้อ หน้ากากแบบเหมือนในหนัง
โรงพยาบาลนี้ เป็นโรงเรียนการแพทย์ด้วย เขาเลยให้ความสนใจทุกกรณีศึกษา ยิ่งโดยเฉพาะเราฉีดวัคซีนครบโดส แต่ยังติดโควิด เขาวัดความดัน ตรวจค่าออกซิเจน ซึ่งตกลงมาที่ 93 ส่วนเครื่องเอกซเรย์ปอดก็ทันสมัยมาก เขาดึงเครื่องเข้ามาถึงในห้องฆ่าเชื้อกันเลย ผลคือปอดแข็งแรงดี แต่หืดหอบกำเริบฉับพลัน (acute exacerbation of asthma) เพราะโควิดไปกระตุ้น ต้องนอนสูดออกซิเจนพักใหญ่ ระหว่างนั้นเขาก็ฉีดสเตียรอยด์เข้าเส้นเพื่อขยายหลอดลม หมอแนะนำให้ไปพักฟื้นที่บ้านเพราะสบายกว่า แต่ให้คอยระวังอาการ สั่งยาสเตียรอยด์เพิ่ม แล้วหมอก็ย้ำว่าถ้าหายใจไม่ออกรอบนี้ควรโทรหา 911 ทันที
ฉีดแล้วติด แต่หายแล้ว ควรฉีดอีกไหม
หมอบอกว่าการที่ฉันได้วัคซีนเชื้อตายมาแล้ว 2 เข็ม แล้วยังติดโควิด ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาเอง ถ้าอยากฉีดพวกไฟเซอร์หรือโมเดอร์นาเพิ่มก็ทำได้ แต่ค่อยฉีดหลังจากหายดี นอกจากนี้หมอยังสำทับอีกว่าให้เตรียมใจ เพราะคนไข้ที่เคยติดโควิดเมื่อเจอวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอ แบบ 2 ยี่ห้อนี้ เข็มแรกจะมีอาการแพ้หนัก จะรู้สึกเหมือนป่วยไข้หนักกว่าปกติ
ในความไม่รู้ และความสุ่มเสี่ยงที่เกิดขึ้นในโลกขณะนี้ พวกเราถือเป็นคนที่ยังมะงุมมะงาหรากับเรื่องของโควิดและการฉีดวัคซีน พวกเรายังตั้งข้อสงสัยว่าอะไรควรหรือไม่ควร จะปลอดภัยหรือไม่ปลอดภัย พวกเราสองสามีภรรยาใช้เวลาหาข้อมูลและถกเถียงกันว่าควรจะฉีดวัคซีนเสริมเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันหรือไม่ ในช่วงขณะนั้นมีข่าวการแพร่ระบาดโควิดรอบใหม่ที่ บาห์เรน เซเชลส์ ชิลี และ มองโกเลีย ทั้งที่ประเทศเหล่านี้ล้วนได้รับการฉีดวัคซีนซิโนฟาร์มกันถ้วนหน้า
ขณะเดียวกันก็มีข่าวจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ชี้แจงว่าคนที่ร่างกายยังไม่ได้สร้างภูมิคุ้มกันแม้ว่าจะได้วัคซีนครบ 2 โดส ควรรับโดสที่ 3 เพื่อเป็นตัวเสริมให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานให้ดีขึ้น ส่วนอิสราเอลก็เริ่มฉีดไฟเซอร์โดส 3ให้ประชาชน เพราะสายพันธุ์เดลตา สามารถทำลายระบบภูมิคุ้มกันได้อย่างทะลุทะลวงแม้ว่าตัวผู้ป่วยฉีดวัคซีนจนครบโดสแล้วก็ตาม
จากการติดตามหาอ่านข้อมูลขั้นต้น พวกเราเห็นว่าการฉีดวัคซีนจนครบโดส ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนชนิดไหนก็ตาม โอกาสที่จะติดโควิดสายพันธุ์เดลตาถือว่าสูงมาก แต่การเลือกว่าจะได้รับการฉีดวัคซีนตัวไหนอย่างไรก็ยังถือว่าสำคัญ เพราะระดับศักยภาพของวัคซีนแต่ละขนานจะต่างกัน ถ้ายิ่งศักยภาพของวัคซีนสูง โอกาสที่จะเสียชีวิตหรือป่วยหนักจากสายพันธุ์เดลตามีค่าความเสี่ยงต่ำ แต่ถ้าศักยภาพของวัคซีนต่ำ โอกาสที่จะเสียชีวิตและป่วยหนักจากสายพันธุ์เดลตามีค่าความเสี่ยงสูง อย่างเช่นกรณีการเสียชีวิตของหมอและบุคลากรสาธารสุขในอินโดนีเซีย ทั้งที่พวกเขาได้รับวัคซีนซิโนแวคจนครบโดสแล้วก็ตาม
พวกเราเปลี่ยนความคิดกันใหม่ จากที่มองว่าฉีดวัคซีนซิโนฟาร์มแล้วทำไมยังติดโควิด พวกเรามองกลับอีกด้าน ว่าถ้าไม่ได้รับการป้องกันจากวัคซีนซิโนฟาร์มป่านนี้พวกเราอาจป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลหรือถึงขั้นเสียชีวิตก็เป็นได้ กรณีที่ฉันต้องไปโรงพยาบาลเป็นเพราะหืดหอบที่กำเริบ เพราะโควิดไปกระตุ้น แต่ไม่ได้เป็นเพราะตัวโควิดโดยตรง
เรารอดูอาการจนคาดว่าน่าจะคืนสู่ปกติ ราว 20 วันนับจากที่อาการดีขึ้น แล้วจึงตัดสินใจฉีดไฟเซอร์เสริม ด้วยความเชื่อว่าซิโนฟาร์มกับภูมิที่มีอาจจะต้านสายพันธุ์เดลตาได้ไม่เพียงพอ ข้อมูลที่โปร่งใสเกี่ยวกับซิโนฟาร์มมีปรากฏเป็นข่าวน้อยมาก จีนซึ่งเป็นผู้ผลิตก็ไม่เปิดเผยข้อมูล ยูเออีก็แทบจะไม่เปิดเผยข้อมูล จึงเกิดความกังขาต่อสมรรถภาพของซิโนฟาร์ม
ฉันและสามีใช้เวลาศึกษาอ่านข้อมูลของกรณีของอิสราเอลเพิ่มเติม จากข่าวของฟอร์บสที่รายงานว่ามีประชากรจำนวน 40% - 50% ติดโควิดแม้ว่าได้รับวัคซีนไฟเซอร์ครบโดส ตามผลการวิจัยกระทรวงสาธารณสุขของอิสราเอลรายงานว่าศักยภาพของไฟเซอร์ต่อโควิดสายพันธุ์เดลตาตกมาที่ 64% จาก 95-96% ในการป้องกันโควิดรุ่นแรกก่อนกลายพันธุ์
ขณะที่ซิโนฟาร์มมีค่าศักยภาพที่ 79% ก่อนการเกิดเดลตา แต่ไม่มีข้อมูลหลังจากที่โควิดสายพันธุ์เดลตาเริ่มระบาด พวกเราชั่งน้ำหนักกันแล้ว จึงเลือกฉีดไฟเซอร์เสริม ด้วยหลักการเดียวกันกับการกินข้าวปลาอาหาร นั่นคือกินอิ่มดีกว่ากินไม่พอ พวกเราคิดกันแบบนั้น ที่สำคัญ พวกเรากลัวที่จะติดโควิดกันอีก ความรู้สึกตอนที่หายใจไม่ออกเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด มันรู้สึกว่าเราใกล้ความตายเพียงนิดเดียว
หลังรับวัคซีนเอ็นอาร์เอ็มเอ สามีไม่ค่อยมีอาการมาก ส่วนตัวฉันมีไข้อ่อน ๆ พอเป็นพิธี หลังจากผ่านการต่อสู้กับโควิดพวกเรารู้สึกว่าไม่มีอะไรที่จะแย่ไปกว่าตอนไม่สบายช่วงที่เป็นโควิดอีกแล้ว การที่พวกเราได้วัคซีนทั้งหมด 4 โดสถือเป็นเรื่องที่พวกเราต้องเสี่ยง เพราะยังไม่มีผลการรับรองทางการแพทย์ฟันธงออกมาว่าการได้รับวัคซีนถึง4 โดส และตัวยาวัคซีนคนละตัวนั้น ผลข้างเคียงจะเป็นอย่างไร พวกเรายังใช้ชีวิตกันได้ตามปกติ แต่ก็คอยสังเกตอาการ
สิทธิ์การฉีดวัคซีนโดยทั่วถึง
วันนี้พวกเราได้รับวัคซีนทั้งหมด 4 โดส ไม่เคยคิดว่าเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจ เพราะคนไทยอีกจำนวนมากในประเทศยังไม่ได้รับวัคซีนแม้แต่เข็มแรก คำว่า pandemic มีรากมาจากภาษากรีก pan แปลว่าทั้งหมด demic มาจาก demos ซึ่งแปลว่าคน -ic แปลว่า belong to แปลง่าย ๆ คือ all the people คือเป็นเรื่องของคนทุกคน
pandemic คือเรื่องของมวลมนุษยชาติ โรคติดต่อไม่มีพรมแดน ไม่มีเรื่องสัญชาติหรือศาสนาเข้ามาแบ่งแยก มันไม่ใช่เป็นเรื่องแค่คนของประเทศใดประเทศหนึ่ง ฉันเองแม้ไม่ได้เป็นคนของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แต่รัฐบาลก็ฉีดให้คนต่างชาติฟรี รัฐบาลสหรัฐอเมริกาก็ฉีดให้คนต่างชาติที่เข้ามาในประเทศของเขาฟรี มนุษย์ทุกคนควรได้รับสิทธิ์การฉีดวัคซีนโดยทั่วถึง ไม่มีใครเป็นหนี้บุญคุณใคร เพราะเป็นหน้าที่ที่รัฐบาลพึงกระทำให้กับประชาชนทุกคน