"คนละครึ่งพลัส" ค้าปลีกคาดยอดขายพุ่ง 10%

ผู้ประกอบการค้าปลีกไทย กำลังกลับมามีความมั่นใจและมีความหวังมากขึ้นอีกครั้ง เห็นได้จากดัชนีความเชื่อมั่นค้าปลีกในช่วง 3 เดือนข้างหน้า คือระหว่างเดือนตุลาคม ถึงเดือนธันวาคม 2568 มีแนวโน้มปรับตัวสูงสุด ทำสถิติใหม่ในรอบ 12 เดือน จากระดับ 52.4 จุด ไปอยู่ที่ 63.8 จุด โดยมีปัจจัยหนุนสำคัญ คือการเข้าสู่ช่วงเทศกาลส่งท้ายปี และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ คนละครึ่ง พลัส ที่ผู้ประกอบการค้าปลีก คาดว่าจะช่วยเพิ่มยอดขายได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 จากมาตรการดังกล่าว โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและร้านค้าในชุมชนต่างจังหวัด ที่จะได้รับประโยชน์โดยตรง
ส่วนข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย ก็ระบุว่าโครงการคนละครึ่งพลัส จะช่วยเพิ่มเม็ดเงินหมุนเวียนในภาคค้าปลีก ได้กว่า 60,000-70,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นแรงกระตุ้นสำคัญต่อบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
ด้าน คุณณัฐ วงศ์พานิช ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า เริ่มเห็นสัญญาณบวกของบรรยากาศการใช้จ่ายในช่วงปลายปีนี้ และเป็นจังหวะสำคัญที่ภาคค้าปลีกสามารถสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ มาตรการดังกล่าว ถือเป็นหนึ่งในนโยบายที่ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อได้อย่างตรงจุด ซึ่งตามการประเมินของกระทรวงการคลัง คาดว่าจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้อีกราวร้อยละ 0.21 – 0.22 เมื่อเทียบกับกรณีไม่มีโครงการ
โดยมีส่วนสำคัญ ในการช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชนในช่วงปลายปี ขณะเดียวกันก็ช่วยกระตุ้นยอดขายของภาคค้าปลีก โดยเฉพาะร้านค้ารายย่อยและธุรกิจเอสเอ็มอีในระดับชุมชน ที่เป็นฟันเฟืองสำคัญของเศรษฐกิจฐานราก ทำให้เกิดการหมุนเวียนของเงินในระบบ และสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการรายเล็กได้ฟื้นตัว
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องจับตาต่อไป คือ หลังสิ้นสุดมาตรการกระตุ้นระยะสั้นแล้ว กำลังซื้อของประชาชนจะสามารถต่อเนื่องได้หรือไม่ เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานอย่าง รายได้ และหนี้ครัวเรือน ยังเป็นความท้าทายที่ต้องจัดการอย่างจริงจัง
ดังนั้น เพื่อความต่อเนื่อง สมาคมผู้ค้าปลีกไทย เสนอให้รัฐพิจารณาเดินหน้าโครงการ อีซี่ อี รีซิท (Easy e-Receipt) เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในช่วงไฮซีซั่น โดยปรับเงื่อนไขการเข้าร่วมให้สะดวกขึ้น และครอบคลุมสินค้าทุกประเภท รวมถึงออกมาตรการกระตุ้นระยะยาว ควบคู่กันไป เพื่อรักษาโมเมนตัมทางเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไป
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
