ครม.อนุมัติงบ 1.15 แสนล้าน กระตุ้นจีดีพี 0.4%

ครม.อนุมัติ โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 1.15 แสนล้านบาท จำนวน 481โครงการ เป็นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน สูงถึง 8.5 หมื่นล้านบาท คาดช่วยจ้างงานในประเทศ 7.4 ล้านคน สร้างผลกระทบต่อจีดีพี 0.4%
#ทันหุ้น นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ที่ประชุมได้อนุมัติโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่ารวม 1.15 แสนล้านบาท จำนวน 481โครงการ ช่วยจ้างงานในประเทศ 7.4 ล้านคน สร้างผลกระทบต่อจีดีพี 0.4%
“รัฐบาลจำเป็นต้องใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จากการที่เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายในและภายนอก โดยเฉพาะจากปัญหาสงครามการค้าในโลก และผลกระทบจากมาตรการ Reciprocal tariffs ของสหรัฐ ที่กระทบต่อภาคส่งออกของไทยและกระทบรายได้ของประชาชน”
ทั้งนี้ การใช้งบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในครั้งนี้ อยู่ภายใต้หลักการที่สำคัญ คือ ต้องการจายเม็ดเงินอย่างทั่วถึง สร้างการจ้างงาน และจะต้องเป็นโครงการที่สามารถส่งผลกระทบในระยะยาว โดยโครงการลงทุนแต่ละโครงการจะต้องไม่ต่ำกว่า 5 แสนบาท ยกเว้นมีความจำเป็น เช่น การลงทุนด้านท่องเที่ยว ที่แต่ละโครงการอาจต่ำกว่า 5แสนบาท และระยะเวลาการลงทุนจะต้องไม่เกิน 12 เดือน คือต้องสิ้นสุดไม่เกิน 30ก.ย.2569
สำหรับงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.15แสนล้านบาทดังกล่าว แบ่งเป็นการลงทุนใน 4 ด้านคือ 1.การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน วงเงิน 8.5 หมื่นล้านบาท โดยแบ่งเป็นการลงทุนในโครงการที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำ 3.91 หมื่นล้านบาท และโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม 4.58 หมื่นล้านบาท
2.การลงทุนด้านการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว1 หมื่นล้านบาท เช่น การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็น ห้องน้ำ หรือไฟส่องสว่างเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
3.การลดผลกระทบด้านการส่งออก วงเงิน 1.11 หมื่นล้านบาท โดยส่วนใหญ่ราว 1หมื่นล้านบาท ใช้เพื่อลดผลกระทบด้านแรงงาน เพื่อให้ผู้ประกอบการที่ที่เป็นนายจ้างในระบบประกันสังคมและได้รับผลกระทบจากการส่งออก กู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำไม่เกิน 3% เพื่อเสริมสภาพคล่องให้สามารถรักษาการจ้างงานได้ต่อไป
4.ด้านเศรษฐกิจชุมชนและอื่นๆ วงเงิน 9.20พันล้านบาท โดยจะลงทุนในด้านการศึกษา 3.64พันล้านบาท ,ลงทุนผ่านกองทุนหมู่บ้าน ในโครงการ SML วงเงิน 4พันล้านบาท และการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน 1.56พันล้านบาท
เขากล่าวว่า โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจนี้ จะช่วยจ้างงานคนในประเทศ 7.4 ล้านคน คิดเป็นเม็ดเงินค่าจ้าง 3.4 หมื่นล้านบาท หรือ 30% ของวงเงินลงทุนของโครงการ มีโครงการที่ได้รับงบประมาณ 481โครงการ จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นแต่สามารถสร้างผลกระทบในระยะยาว
“เม็ดเงินลงทุนในโครงการนี้กระจายไปทุกจังหวัด แต่จะกระจายให้ภาคที่มีรายได้ต่อหัวต่ำ สูงกว่าจังหวัดที่มีรายได้ต่อหัวสูงกว่า เช่น ภาคอีสาน ได้รับงบ 3.27 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นภาคที่มีรายได้ต่อหัว 9.92หมื่นบาท/คน/ปี ขณะที่ กทมและปริมณฑล ได้รับ 2.98 หมื่นล้านบาท โดยมีรายได้ต่อหัว 4.88 แสนบาท/คน/ปี
ด้านนายจุลพันธ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังกล่าวว่า งบในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่จัดสรรให้กับการลดผลกระทบภาคท่องเที่ยวเพียง 1.1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากรัฐบาลมีมาตรการซอฟท์โลนที่จะช่วยเหลือภาคท่องเที่ยวอยู่แล้ว รวมถึงขณะนี้ยังไม่ทราบผลกระทบของปัญหากำแพงภาษีจากสหรัฐที่ชัดเจน
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังกล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งนี้ของรัฐบาล จะช่วยลดแรงกระแทกจากปัจจัยภายนอกต่อเศรษฐกิจภายใน และช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศ
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลังกล่าวว่า การใช้งบประมาณในโครงการนี้ จะต้องมีการผูกพันในสัญญา หรือลงนามในสัญญาจัดซื้อจัดจ้างภายใน 30 ก.ย.นี้ มิฉะนั้นงบในโครงการที่ลงนามไม่ทันจะถูกพับไป
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
