รีเซต

“แพทองธาร” กุมบังเหียน ขอนำ “เพื่อไทย” ทวงคืนอันดับ 1

“แพทองธาร” กุมบังเหียน  ขอนำ “เพื่อไทย” ทวงคืนอันดับ 1
TNN ช่อง16
28 ตุลาคม 2566 ( 10:12 )
82
“แพทองธาร” กุมบังเหียน  ขอนำ “เพื่อไทย” ทวงคืนอันดับ 1




การประชุมใหญ่วิสามัญพรรคเพื่อไทย เพื่อเลือกกรรมการบริหาร หรือ กก.บห.พรรคชุดใหม่ เมื่อวันที่ 27 ต.ค.2566 จบลงตามความคาดหมาย เมื่อที่ประชุมมีมติให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ขึ้นดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนใหม่ ด้วยคะแนน 289 เสียงจากผู้มีสิทธิออกเสียง 290 คน โดยมีผู้ไม่ประสงค์ลงคะแนน 1 คน และภายใต้การกุมบังเหียนของ “แพทองธาร ชินวัตร”  มีรองหัวหน้าพรรค 6 คน ประกอบด้วย นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.จังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะ รมช.คลัง, นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการ รมว.คลัง, นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ปรึกษา รมว.คมนาคม, น.ส.จิราพร สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด, นายโอชิษฐ์ เกียรติก้องชูชัย สส.ชัยภูมิ, ขณะที่ เลขาธิการพรรคคนใหม่ คือ นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว ส่วนกรรมการบริหารชุดใหม่จำนวน 9 คน ก็ล้วนเป็นคนรุ่นใหม่ เช่น น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ สส.กทม., นายพชร จันทรรวงทอง สส.นครราชสีมา, และมี นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ เป็นโฆษกพรรค



การก้าวเข้ามากุมบังเหียนพรรคเพื่อไทย ของคนนามสกุล “ชินวัตร” ในครั้งนี้ แม้จะเป็นสิ่งที่คอการเมืองประเมินไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว แต่กระนั้นก็มีการตั้งคำถามว่า อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร พร้อมให้ลูกสาวคนเล็ก ลงสู่สมรภูมิอำนาจอย่างเต็มตัวแล้วจริงหรือ หลังจากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พ.ค.2566 ซึ่งพรรคเพื่อไทยต้องเผชิญกับความพ่ายแพ้เป็นครั้งแรก การตัดสินใจให้ “แพทองธาร ชินวัตร” เป็นแม่ทัพถือธงนำพรรคเพื่อไทยสู้ศึกเลือกตั้งครั้งต่อไปในอีก 4 ปี ข้างหน้า จึงมีเป้าหมายเพื่อรีแบรนด์ “พรรคเพื่อไทย” ให้กลับมา “ยืนหนึ่ง” ได้อีกครั้ง เพราะแม้ว่า “แพทองธาร” อาจมีประสบการณ์น้อย แต่ก็มีศักยภาพความเป็นผู้นำ และมีความเข้มแข็งมุ่งมั่นสูง ขณะเดียวกันยังมีภาพลักษณ์ที่คนรุ่นใหม่ยอมรับได้



ทันทีที่ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย “แพทองธาร ชินวัตร” ได้โชว์วิสัยทัศน์ว่า นี่ไม่ใช่การส่งต่อภารกิจ แต่เป็นการเชื่อมความเชื่อมั่นความศรัทธาของทุกคนเข้าด้วยกันอีกครั้ง พรรคเพื่อไทยผ่านอะไรมามาก เป็นพรรคที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด และเป็นพรรคที่ถูกกระทำมากที่สุดเช่นกัน ขอบคุณ อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดา ที่ทำให้ได้เห็นถึงความตั้งใจ และอุดมการณ์ ได้เรียนรู้ใกล้ชิดและเป็นแรงบันดาลใจในการดำรงชีวิต รู้ดีว่าภารกิจนี้ยิ่งใหญ่และสำคัญ โดยเฉพาะบริบททางการเมืองที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วทุกวันนี้ พร้อมมั่นใจว่า มีบุคลากรที่มีความสามารถมีประสบการณ์มาตั้งแต่ไทยรักไทยจนถึงปัจจุบัน ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะพัฒนาพรรคอย่างไม่หยุดยั้ง จากการเลือกตั้งที่ผ่านมาเราต้องเปลี่ยนวิธีคิด กก.บห.พรรคชุดใหม่ ต้องถอดบทเรียนการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ทำให้ดีขึ้นเพื่อนำพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคอันดับ 1 อีกครั้ง


นับจากนี้อยากให้เพื่อไทยเป็นมากกว่าพรรคที่ให้โอกาส แต่สามารถขจัดความเสี่ยงในชีวิต ให้ประชาชนปลดล็อกศักยภาพเพื่อพัฒนาประเทศ  ซึ่งเป็น DNA ของพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะการทำนโยบายที่สัญญากับประชาชนให้เป็นจริง ภายใต้การนำของ “แพทองธาร” จะลบทุกคำสบประมาทด้วยผลงาน ซึ่งมีเรื่องสำคัญที่ กก.บห.ชุดใหม่ ต้องทำคือ การเปลี่ยนผ่านข้อมูลทั้งหมดไปสู่ระบบดิจิทัลเพื่อให้พรรคมีฐานข้อมูลในการพัฒนา สร้างองค์กรแนวราบ เพิ่มการมีส่วนร่วมของบุคลากร ทำให้องค์กรพรรคเพื่อไทย เป็นองค์กรแห่งความเรียนรู้ มีศูนย์ข้อมูลศูนย์วิจัย เพื่อพัฒนานโยบายได้ทันท่วงที ฝึกอบรมสมาชิกทุกระดับเพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชนในทุกมิติ สร้างเครือข่ายครอบครัวเพื่อไทยให้แข็งแรง ครอบคลุมทุกพื้นที่ เพื่อรับฟังเสียงประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมยืนยันพรรคเพื่อไทยยังคง “ตาดูดาว เท้าติดดิน” ยืนหยัดอยู่ข้างประชาชนอย่างเข้มแข็งมั่นคง



ด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย แกนนำคนสำคัญ ซึ่งร่วมก่อตั้งมาตั้งแต่พรรคไทยรักไทย ยืนยันว่า ไม่กังวลที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้รับเลือกเป็นผู้นำพรรคเพื่อไทย แม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า พรรคเป็นของตระกูลชินวัตร พร้อมย้ำว่า การเลือกหัวหน้าพรรคเพื่อไทยไม่ได้เลือกจากตระกูลอะไร แต่เลือกจากคนที่มีประสิทธิภาพ ความสามารถ ความพร้อมที่จะเป็นหัวหน้าพรรค ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ได้พิสูจน์ตัวเองแล้ว และ ถือว่า น.ส.แพทองธาร ไม่ใช่คนใหม่ เพราะได้เข้ามาอยู่กับพรรคไทยรักไทย ตั้งแต่เด็ก ๆ ได้เข้าร่วมประชุมกับอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร และลงพื้นที่กับบิดามาโดยตลอด ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ถือเป็นคนหนึ่งที่เข้าใจนโยบายของพรรคไทยรักไทยไม่แพ้ใคร และเคยผ่านวิกฤตทางการเมืองที่ครอบครัวได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลง มาแล้ว



ขณะที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ซึ่งทำงานร่วมกับ น.ส.แพทองธาร มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่การหาเสียงเลือกตั้ง ได้แสดงความยินดีกับ น.ส.แพทองธาร พร้อมให้กำลังใจในการทำงาน ซึ่ง นายกฯ เศรษฐา มั่นใจว่า น.ส. แพทองธาร เป็นคนเก่งและมีทีมงานเป็นคนรุ่นใหม่ มีแรงและพลังสูงทุกคน ซึ่งคำว่า มั่นใจนั้นหมายความว่า น.ส.แพทองธารสามารถเป็น นายกฯ คนต่อไปได้สบาย ๆ



 พรรคเพื่อไทย ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2550 โดยมีนายบัณจงศักดิ์ วงศ์รัตนวรรณ เป็นหัวหน้าพรรคคนแรก และมี นายโอฬาร กิจเลิศไพโรจน์ เป็นเลขาธิการพรรคคนแรก  ซึ่งพรรคเพื่อไทย เริ่มมีบทบาททางการเมืองแทนที่ พรรคพลังประชาชน ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2551 ตลอดระยะเวลา 16 ปีที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทย มีหัวหน้าพรรคมาแล้วหลายคน ไม่ว่าจะเป็น นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช, ยงยุทธ วิชัยดิษฐ, พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์, นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ, นายปลอดประสพ สุรัสวดี, นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ก่อนจะส่งไม้ต่อให้กับ น.ส.แพทองธาร  ชินวัตร ทายาทคนสุดท้องของตระกูลชินวัตร


ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทย ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งเป็นพรรคอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะพ่ายแพ้ให้กับพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด  โดยการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2554 พรรคเพื่อไทยได้คะแนนเสียงทั้งหมด 15,744,190 เสียง ทำให้มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 265 คน เกินกึ่งหนึ่งของสภา จึงได้เป็นพรรคจัดตั้งรัฐบาล แน่นอนว่า ชัยชนะครั้งนั้น ส่งผลให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงของประเทศไทยคนแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย



แน่นอนว่า เครดิตของพรรคเพื่อไทย คือ 22 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย จนกลายมาเป็นพรรคพลังประชาชน และ พรรคเพื่อไทยในปัจจุบัน ซึ่งประชาชนมีความเชื่อมั่นความสามารถในการผลักดันนโยบายให้เกิดขึ้นจริง  โดยเฉพาะนโยบายที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ แต่สามารถผลักดันให้เกิดขึ้นจริง อย่าง 30 บาทรักษาทุกโรค ที่ผ่านการศึกษาทดลองมาอย่างรอบคอบ


การเปลี่ยนผ่านของพรรคเพื่อไทยในครั้งนี้ ถือเป็นเดิมพันความเชื่อมั่น DNA เพื่อไทยครั้งสำคัญ และ 4 ปี นับจากนี้จะเป็นบทพิสูจน์ว่า  พรรคเพื่อไทยจะสามารถทวงแชมป์และส่งให้ “แพทองธาร  ชินวัตร” สร้างประวัติศาสตร์ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 และ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 3 ที่มีนามสกุล “ชินวัตร” หรือไม่...


เรียบเรียงโดย ปุลญดา  บัวคณิศร

ข่าวที่เกี่ยวข้อง