"สมศักดิ์" นำ "ภูดิท-วิทยา" ลุยพิจิตร ฟังปัญหาเกษตรก่อนจัดทำนโยบายเพื่อไทย

วันที่ 4 ธันวาคม 2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายภูดิท อินสุวรรณ์ ผู้เสนอตัวลงสมัครเลือกตั้ง สส.พิจิตร นายวิทยา มาลา ผู้เสนอตัวลงสมัครเลือกตั้ง สส.พิจิตร พรรคเพื่อไทย ได้ลงพื้นที่พบปะกับประชาชน ที่วัดทับคล้อ (สวนพระโพธิสัตว์) ตำบลทับคล้อ อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร
โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนรู้สึกยินดีที่ได้มาพบกับพี่น้องประชาชนชาวพิจิตรอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนการเลือกตั้ง จะเข้ามาใกล้อีกครั้งหนึ่งแล้ว โดยการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทย ได้เป็นนายกรัฐมนตรี 2 คน คือ นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยได้ขับเคลื่อนหลายนโยบายที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน เช่น 30 บาทรักษาทุกที่ ซึ่งตนก็ได้มีส่วนไปช่วยขับเคลื่อน ในขณะดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงไปผลักดันโครงการลดโรค NCDs เพื่อช่วยลดการเจ็บป่วยของพี่น้องประชาชน เพราะเมื่อเข้าไปดำรงตำแหน่ง ได้เห็นว่า มีผู้เสียชีวิตจากกลุ่มโรค NCDs สูงถึงปีละ 4 แสนคน และมีค่าใช้จ่ายในการรักษาปีละ 8 หมื่นล้านบาท ตนจึงศึกษาว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชน เข้าใจการกิน จะได้ไม่เจ็บป่วย NCDs โรคที่เกิดจากการกิน จึงเดินหน้ารณรงค์ด้วยกลไก อสม. สอนประชาชนนับคาร์บทั่วประเทศแล้วกว่า 45 ล้านคน
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า การลงพื้นที่พบปะกับพี่น้องประชาชนในวันนี้ เนื่องจากในช่วงนี้ พรรคเพื่อไทย กำลังจัดทำนโยบายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนในทุกด้าน ตนจึงต้องการมารับฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชน โดยในพื้นที่จังหวัดพิจิตร ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกร ซึ่งนโยบายด้านการเกษตรของพรรคเพื่อไทยในครั้งนี้ ก็มุ่งเน้นเพิ่มรายได้ให้กับพี่น้องเกษตรกร พร้อมช่วยลดต้นทุน เช่น ค่าปุ๋ย ค่ายา โดยตนขอรับข้อเสนอแนะของพี่น้องประชาชนด้านการเกษตร ไปดำเนินการ เพื่อให้เป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทยต่อไป เพราะพรรคเพื่อไทย ตั้งใจช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรอย่างเต็มที่ เช่น อ้อย ก็จะช่วยติดตามเรื่องแบ่งผลประโยชน์กากอ้อย โดยพี่น้องเกษตรกรเสียโอกาสและรายได้มาแล้วกว่า 3-4 ปี ตนก็ต้องการช่วยให้ได้รับส่วนแบ่งผลประโยชน์ ตามที่กฎหมายกำหนดไว้
ขณะที่ นายภูดิท กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พบปะกับพี่น้องประชาชน ส่วนใหญ่จะสะท้อนว่า ทุกพรรคมีแต่นโยบายที่จับต้องไม่ได้ ต่างกับของพรรคเพื่อไทย ที่จับต้องได้ และช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้จริง ซึ่งตนขอเน้นย้ำให้เห็นว่า พรรคเพื่อไทย ได้ขับเคลื่อนนโยบายมาอย่างต่อเนื่อง เช่น 30 บาทรักษาทุกที่ ก็เป็นการยกระดับที่เริ่มมาตั้งแต่นโยบายของพรรคไทยรักไทย ที่ช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ให้สามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้สะดวกมากขึ้น และยังมีอีกหลายนโยบาย ตนจึงขอยืนยันว่า พร้อมยินดีรับใช้ และช่วยประสานนโยบายของพรรคเพื่อไทยให้อย่างเต็มที่
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
