รีเซต

ม.หอการค้า เผย โควิดระลอกใหม่ ฉุดดัชนีเชื่อมั่นฯ ลดลงในรอบ 3 เดือน

ม.หอการค้า เผย โควิดระลอกใหม่ ฉุดดัชนีเชื่อมั่นฯ ลดลงในรอบ 3 เดือน
มติชน
7 มกราคม 2564 ( 13:13 )
93

เมื่อวันที่ 7 มกราคม นายธนวรรธน์​ พลวิชัย อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่า จากการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคประจำเดือนธันวาคม 2563 จากการสำรวจประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 2,249 ตัวอย่าง พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ 50.1 ลดลงจากเดือนพฤศจิกา​ยน ​อยู่ที่ 52.4 ถือเป็นการปรับลดลงครั้งแรกในรอบ 3 เดือน ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นในปัจจุบันอยู่ที่ 34.5 ลดลงจากเดือนพฤศจิกา​ยนที่ 36.3 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคต อยู่ที่ 57.4 ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน​ ที่อยู่ที่ 60.1

 

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า สำหรับปัจจัยลบ อาทิ ความวิตกกังวลต่อการแพรระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ที่ระบาดเป็นวงกว้างและรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีตของประชาชน การทำธุรกิจ และภาวะเศรษฐกิจของประเทศในอนาคตโดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยว และบริการต่างๆ, คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทย (จีดีพี)​ ปี 2564 จะขยายตัวอยู่ที่ 3.2% จากประมาณการเดิมที่คาดไว้ 3.6% จากสถานการณ์โควิด-19 ในต่างประเทศที่ยืดเยื้อและรุนแรงกว่าที่คาด และเงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 30.47 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นเดือน พฤศจิกายน 2563 เป็น 30.09 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2563 ทำให้มีความกังวลว่าจะส่งกระทบในแง่ลบต่อความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดโลก

 

นายธนวรรธน์ กล่าวต่อว่า ส่วนปัจจัยบวก อาทิ ภาครัฐดำเนินมาตรการเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 2563 ประกอบด้วย โครงการคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และมาตรการช้อปดีมีคืน ซึ่งมีส่วนช่วยกระตุ้นกำลังซื้อให้ปรับตัวดีขึ้น และราคาพืชผลทางการเกษตรหลายรายการปรับตัวดีขึ้นหรือทรงตัวในระดับที่ดีโดยเฉพาะข้าว ยางพารา ปล์มน้ำมัน และปศุสัตว์ ส่งผลให้เกษตรกรเริ่มมีรายได้และส่งผลให้กำลังซื้อในต่างจังหวัดเริ่มปรับตัวดีขึ้น

 

 

ส่วนหนึ่งเกิดจากสถานการณ์​ทางการเมืองเมื่อเดือนกันยายน 2563 แต่ที่ดัชนีฯ ยังอยู่ในเกณฑ์​ดีเนื่องจากรัฐบาลมีการผ่อนคลายมาตรการ​ต่างๆ มากขึ้น

 

นาย​ธนวรรธน์​ กล่าวว่า ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจ โอกาสการหางานทำ และรายได้ในอนาคต ปรับตัวลดลงทุกรายการ โดย ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม อยู่ที่ 43.5 ลดลงจากเดือนพฤศจิกา​ยน อยู่ที่ 45.6 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางาน อยู่ที่ 47.5 ลดลงจากเดือนพฤศจิกา​ยน อยู่ที่ 50 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 59.2 ลดลงจากเดือนพฤศจิกา​ยน อยู่ที่ 61.6

 

ขณะที่ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวมแทบทุกรายการ อยู่ที่ 42.6 ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนมิถุนา​ยน ที่ 41.4 หรือปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 เชื่อมั่นโอกาสในการหางานทำอยู่ที่ 48.4 ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนมิถุนายน อยู่ที่ 47.6 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 59.3 ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนมิถุนายน อยู่ที่ 58.6 และดัชนีความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 17 ดัชนีปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 28.3 เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายนที่อยู่ระดับ 29.8

ข่าวที่เกี่ยวข้อง