วิจัยเผย หญิงมะกันรักษา 'เอชไอวี' สำเร็จรายแรกของโลก แถมมีภูมิต้านทาน
บีบีซี รายงานเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ระบุว่า งานวิจัยเปิดเผยในการประชุมวิชาการด้านการแพทย์ในเมืองเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา ระบุว่าคนไข้หญิงผู้ติดเชื้อเอชไอวีชาวอเมริกัน ที่เข้ารับการรักษาลูคีเมีย ด้วยวิธีการปลูกภ่ายเลือดด้วยเลือดที่ได้จากสายสะดือที่มีเซลล์ต้นกำเนิด (umbilical cord blood) ล่าสุดตรวจไม่พบเชื้อไวรัสเอชไอวีมาเป็นเวลา 14 เดือนแล้ว และยังมีภูมิต้านทานต่อการติดเชื้อเอชไอวีอีกด้วย
ทั้งนี้คนไข้รายดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาเกี่ยวกับผู้ติดเชื้อเอชไอวี ที่เข้ารับการปลูกถ่ายเลือดด้วยวิธีการต่างๆเพื่อรักษาโรคมะเร็งหรือโรคร้ายแรงอื่นๆ ในสหรัฐอเมริกา
โดยวิธีการปลูกถ่ายเลือดที่ได้จากสายสะดือที่มีเซลล์ต้นกำเนิดสำหรับคนไข้หญิงรายนี้นั้นมีการเลือกเซลล์ที่มีการกลายพันธุ์พิเศษจนสามารถต้านทานไวรัสเอชไอวีได้ จนทำให้คนไข้มีภูมิต้านทานต่อการติดเชื้อเอชไอวีด้วยต่าง
ทั้งนี้คนไข้หญิงรายนี้นับเป็นผู้หญิงรายแรก และเป็นรายที่ 3 ของโลกที่สามารถรักษาหายจากการติดเชื้อเอชไอวี ได้ เนื่องจากตรวจไม่พบไวรัสเป็นเวลานาน โดย 2 รายแรกเป็นผู้ชาย ซึ่งได้รับการปลูกถ่ายไขกระดูกจากเซลล์ต้นกำเนิดของผู้ใหญ่
อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญระบุว่าวิธีการปลูกถ่ายเลือดของคนไข้รายนี้นั้นมีความเสี่ยงมากหากจะนำไปใช้ในการรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีส่วนใหญ่ แต่ผลการศึกษาก็แสดงให้เห็นว่าการรักษาเอชไอวีนั้นเป็นไปได้ และเป็นการยืนยันว่าวิธีการบำบัดยีนจะสามารถใช้ในการพัฒนาการรักษาเอชไอวีได้ในอนาคต