บลจ.กสิกรไทยวางกลยุทธ์Q2 คัดพอร์ตหลัก-รองคว้าโอกาส
#บลจ.กสิกรไทย #ทันหุ้น บลจ.กสิกรไทย แนะจัดพอร์ตลงทุนไตรมาส2 ชูกลยุทธ์กระจายความเสี่ยงในแบบ Core & Satellite Portfolio ชู K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP, K-WPULTIMATE เป็น Core Portfolio 80% มุ่งทำกำไรระยะยาว 3-5 ปี และ K-STAR, K-GBOND, K-FIXEDPLUS เป็น Satellite Portfolio 20% เน้นทำกำไรระยะสั้นอย่างน้อย 3 เดือน เพื่อรอประเมินสถานการณ์ตลาดในระยะถัดไป
นายสุรเดช เกียรติธนากร กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด หรือ บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า จากความไม่แน่นอนของจังหวะการลดดอกเบี้ยของ Fed และการเลือกตั้งในหลายประเทศโดยเฉพาะสหรัฐฯ รวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่ยังไม่ชัดเจน บลจ.กสิกรไทย จึงแนะนำให้ผู้ลงทุนจัดพอร์ตแบบกระจายความเสี่ยงตามหลักการ Core & Satellite Portfolio ผ่านกองทุนแนะนำจากกสิกรไทย
*พอร์ตหลัก-รองเสริมแกร่ง
ทั้งนี้ สำหรับ Core & Satellite Portfolio ประจำไตรมาสที่ 2/2567 จะแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่
- ส่วนที่ 1: Core Portfolio เน้นลงทุนระยะยาวแบบ Asset Allocation ประมาณ 80% ของพอร์ต โดยแนะนำกองทุน K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP, K-WPULTIMATE
- ส่วนที่ 2: Satellite Portfolio เน้นลงทุนระยะสั้นแบบจับจังหวะตลาด (Market Timing) ประมาณ 20% ของพอร์ต โดยแนะนำกองทุน K-STAR, K-GBOND, K-FIXEDPLUS
นายสุรเดช กล่าวต่อไปว่า K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP และ K-WPULTIMATE เป็นกองทุนผสมที่อยู่ในกลุ่มกองทุน K-WealthPLUS Series ที่มีกลยุทธ์เน้นกระจายการลงทุน (Asset Allocation) ในหุ้น ตราสารหนี้ และสินทรัพย์ทางเลือก ในสัดส่วนที่แตกต่างกัน
โดย K-WPBALANCED ลงทุนในหุ้นสูงสุด 30% และตราสารหนี้สูงสุด 70%, K-WPSPEEDUP ลงทุนในหุ้นสูงสุด 65% และตราสารหนี้สูงสุด 35%, K-WPULTIMATE ลงทุนในหุ้นสูงสุด 85% และตราสารหนี้สูงสุด 15% ผ่านโมเดลการลงทุนที่พัฒนาร่วมกับบลจ.ชั้นนำระดับโลก J.P. Morgan Asset Management (JPMAM) เพื่อปรับสัดส่วนการลงทุนและคัดเลือกสินทรัพย์ที่ลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันต่อสถานการณ์การลงทุนทั่วโลก
ตลาดประเมินดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับปัจจุบันเป็นระดับสูงสุดของวัฏจักรขาขึ้นรอบนี้แล้ว และคาดว่าเฟด (Fed) จะสามารถลดดอกเบี้ยลงได้ในช่วงกลางปีนี้ ความน่าสนใจในกองทุนตราสารหนี้จึงมีมากขึ้น เพราะมีโอกาสให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าปีที่ผ่านมา จากอัตราผลตอบแทน (Yield) ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับที่สูง และยังมีโอกาสได้ผลตอบแทนจากกำไรส่วนต่างราคา (Capital Gain) หากอัตราดอกเบี้ยลดลงในอนาคตอีกด้วย
*หุ้นไทยฟื้นตัว
นายสุรเดช กล่าวต่อไปว่า ทางด้านตลาดหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัวจากภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะจีนที่จะเริ่มมาตรการฟรีวีซ่าช่วงมีนาคม ประกอบกับเม็ดเงินการเบิกจ่ายของภาครัฐที่มีความชัดเจนขึ้น รวมทั้งความเป็นไปได้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ยลงในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้
สำหรับระยะเวลาการถือครองหน่วยลงทุนของกองทุนใน Core Portfolio บลจ.กสิกรไทย แนะนำให้เป็นการลงทุนระยะยาว 3-5 ปี ส่วนกองทุนใน Satellite Portfolio แนะนำให้เป็นการลงทุนระยะสั้นอย่างน้อย 3 เดือน เพื่อรอประเมินสถานการณ์ตลาดในระยะถัดไป