ผู้ใหญ่บ้านผวาโควิดระบาดช้ำ เร่งค้นหาพม่าแอบซุกห้องเช่า- อสม.ข้องใจไร้ไทม์ไลน์ในโรงงานสับปะรด
เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม นายแพทย์สุริยะ คูหะรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.)ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า กรณีการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ในโรงงานสับปะรดกระป๋องบริษัท ควอลิตี้ ไพน์แอปเปิ้ล โปรดักส์ ริมถนนบายพาสชะอำ-ปราณบุรี หมู่ที่ 3 บ้านหนองนกน้อย ต.หินเหล็กไฟ อ.หัวหิน ตรวจพบการระบาดเป็นกลุ่มก้อนเป็นคลัสเตอร์ใหม่ พบผู้ติดเชื้อโควิด 19 จำนวนมากในกลุ่มลูกจ้างชาวพม่า ล่าสุดได้รับรายงานว่ามีผู้ป่วยติดเชื้อโควิดในโรงงานฯจำนวน 115 คน ทั้งหมดเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลหัวหิน โดยไม่มีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามภายในโรงงานสับปะรด แต่มีการจัดสถานที่สำหรับการกักตัวในโรงงาน หลังการคัดกรองพบว่าเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงสูง ต้องกักตัวในโรงงานทั้งหมด 402 คน แบ่งเป็นผู้ที่อยู่ในบ้านพักของโรงงานแล้ว 202 คน และ ต้องเรียกคนงานจากหลายพื้นที่เข้ามากักตัวเพิ่มอีก 200 คน ล่าสุดทราบว่ามีแรงงานเข้ากักตัวในโรงงานแล้ว 90% ที่เหลือส่วนใหญ่เป็นแรงงานชาวไทยขอกักตัวที่บ้านพักใน อ.ชะอำ และ อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี
“ แรงงานต่างด้าวชาวพม่าส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือในการกักตัวเนื่องจากระหว่างกักตัวถึงวันที่ 20 พฤษภาคม นี้ นายจ้างจะจ่ายค่าแรงให้ 50% ตามกฎหมายประกันสังคม หากไม่มากักตัวตามเงื่อนไขนายจ้างจะไม่ให้ทำงานในโรงงานอีกหลังเปิดสายการผลิตตามปกติ ขณะที่โรงงานสับปะรดขนาดใหญ่ใน ต.หนองพลับ อ.หัวหิน ประกาศไม่รับแรงงานต่างด้าวเพิ่มจากโรงงานอื่น ส่วนแรงงานต่างด้าวนอกกฎหมายของโรงงานที่มีชาวพม่าติดเชื้อโควิดขอให้สอบถามข้อมูลจากฝ่ายปกครองและหน่วยงานในกระทรวงแรงงานฯ” นายแพทย์สุริยะ กล่าว และว่า ขณะกักตัวห้ามบุคคลใดที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าออกภายในสถานที่กักตัวผู้มีความเสี่ยงสูงอย่างเด็ดขาด โดยมีเจ้าหน้าที่ควบคุมของเจ้าหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมง
มีรายงานว่า นายปัญญา กอนใย ผู้ใหญ่บ้าน บ้านหนองนกน้อย หมู่ 3 ต.หินเหล็กไฟ พร้อมด้วยนายธีรภัทร นงลัย ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ตำรวจสายตรวจ เจ้าหน้าที่สถานีอนามัยตำบลหินเหล็กไฟ อสม. ออกตรวจสอบตามห้องเช่าภายในหมู่บ้าน หลังจากชาวบ้านแจ้งเบาะแสว่ายังมีแรงงานพม่า บางส่วน ที่ ทำงานในโรงงานสับปะรดวไม่ยอมไปกักตัวในโรงงาน และอาศัยอยู่ในห้องเช่า โดยไม่ค่อยสวมใส่แมส ทำให้ชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงเกรงว่าจะเกิดการแพร่เชื้อโควิด19 จึงไปตรวจสอบพบมีแรงงานชาวพม่า อาศัยในห้องเช่าเป็นครอบครัว จึงเชิญตัวให้เดินทางไปกักตัวที่โรงงาน แต่การเจรจาเป็นไปด้วยความยากลำบากเนื่องจากติดขัดการใช้ภาษา โดยชาวพม่าบางรายไม่ไปกักตัวอ้างว่าไม่ได้ติดเชื้อโควิด ทำให้ต้องใช้เวลาในการเจรจาแต่ละจุดนานพอสมควร แต่หลังจากเจรจาได้แจ้งให้ชาวพม่า 16 คน นำสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นไปสถานที่กักตัวในโรงงานสับปะรด แต่ยังมีอีกหลายจุดที่ผู้ใหญ่บ้านต้องเร่งตรวจสอบแรงงานพม่าไม่ไปกักตัวตามข้อมูลที่ได้รับแจ้งเบาะแสจากชาวบ้าน
นางสาวแสงจันทร์ จงศรี ชาวบ้านหนองนกน้อย อสม.ประจำหมู่บ้าน กล่าวว่า มีความปลอดภัยมากขึ้นหลังจากแรงงานพม่า ออกจากห้องเช่าไปกักตัว เพราะหลายวันที่ผ่านมาวิตกกังวลเป็นอย่างมาก ต้องป้องกันตนเองและครอบครัว ไม่เดินทางออกไปนอกบ้าน หากออกไปต้องสวมแมส กลับมาต้องล้างมือฉีดพ่นด้วยเจลแอลกอฮอล์ สำหรับการแพร่ระบาดของโควิด 19 ในโรงงานสับปะรด 4 – 5 วัน ที่ผ่านมา ชาวบ้านต้องการให้หมู่บ้านต่างๆเร่งค้นหาเชิงรุกในกลุ่มเสี่ยง เนื่องจากมีแรงงานพม่าเดินทางไปหลายพื้นที่ และหลังจากมีผู้ติดเชื้อ 115 ราย ยังไม่มีไทม์ไลน์ทำให้ชาวบ้านมีความกังวลเป็นอย่างมาก