‘สบน.’ เร่งวางกรอบการคลังฯ มุ่งลดขาดดุล

นางจินดารัตน์ วิริยะทวีกุล ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า ขณะนี้รัฐบาลอยู่ระหว่างการปรับปรุงกรอบการคลังระยะปานกลาง ท่ามกลางการจับตามองอย่างใกล้ชิดของสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ โดยรัฐบาลเน้นย้ำการดำเนินนโยบายรัดเข็มขัดทางการคลังอย่างเข้มงวด เนื่องจากสถานะการขาดดุลงบประมาณในปัจจุบันมีแนวโน้มที่อาจนำไปสู่ความเสี่ยงในการถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศจากระดับ BBB+
ทั้งนี้ รัฐบาลกำลังเร่งรัดการจัดทำ MTFF ใหม่ โดยพยายามกันอย่างเต็มที่เพื่อแสดงให้เห็นแนวโน้มการขาดดุลงบประมาณในช่วง 5 ปีข้างหน้า และกลับเข้าสู่กรอบไม่ให้เกิน 3% ของ GDP ซึ่งตัวเลขปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 4% ซึ่งเกินกว่าเกณฑ์ดังกล่าว
โดยคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นรองประธาน และมีกรรมการจากสี่หน่วยงานหลักที่ดำเนินนโยบานบายด้านเศรษฐกิจการเงินการคลัง ได้มีการหารือและทบทวนอย่างละเอียดทั้งในส่วนของการเพิ่มรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมาย และการลดรายจ่าย โดยมีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมจัดเก็บภาษี และ สำนักงบประมาณ มาหารือร่วมกันถึงแนวทางในการกำหนดกรอบงบประมาณ
นางจินดารัตน์ กล่าวว่า ในปีนี้สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือได้ปรับมุมมอง (Outlook) ของไทยมาเป็นเชิงลบ (Negative) แล้ว โดยจะมีการจับตามองการดำเนินงานของไทยอย่างใกล้ชิดในช่วงระยะเวลา 2-3 เดือนนี้ เพื่อเตรียมรายงานผลในปีหน้า โดยปัจจัยหลักที่เครดิตเรทติ้งให้ความสำคัญในการพิจารณา ได้แก่
1. ความสามารถในการลดการขาดดุลงบประมาณ
2. การจัดเก็บรายได้ ว่าจะเข้าตามเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่
3. ภาพรวมการขยายตัวของเศรษฐกิจ และเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
และ 4. ปัจจัยทางการเมือง ซึ่งถือเป็นปัจจัยหลักที่สำคัญในการสร้างความเชื่อมั่น
นอกจากนี้ หากมีการดาวน์เกรดเกิดขึ้น ผลกระทบโดยตรงต่อรัฐบาลไทยจะค่อนข้างน้อย เนื่องจากปัจจุบันรัฐบาลมีการกู้เงินจากต่างประเทศประมาณ 0.8%
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบที่สำคัญจะเกิดขึ้นกับภาค เอกชนรายใหญ่ ของไทยที่กู้ยืมเงินหรือออกพันธบัตรในต่างประเทศ การดาวน์เกรดจะส่งผลให้ ต้นทุนทางการเงินของภาคเอกชนสูงขึ้น นอกจากนี้ ยังอาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศและความเชื่อมั่นในการลงทุน นักลงทุนต่างชาติที่อาจจะถอนการลงทุนหรือชะลอการลงทุนในพันธบัตรของไทย
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
