"เที่ยวญี่ปุ่น" จะแพงขึ้นอีก ? นักท่องเที่ยวเตรียมถูกรีดเงิน - ขึ้นภาษี

"หาเงินเข้าคลัง ทำไงดี?"
รัฐบาลญี่ปุ่นอยากหาเงินเข้าคลัง เข้าประเทศเพิ่มมากขึ้น
แต่ไม่อยากไปรีดกับประชาชนให้ชาวบ้านมาด่าทอ
แถมจะไปกระทบกับคะแนนนิยมด้วย
ดังนั้นหวยเลยไปออกกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
อาจจะถึงขั้นเลิกร้านปลอดภาษี หรือดิวตี้ฟรี
และจะเก็บภาษีขาออกให้มากกว่าเดิม
ข้อมูลอ้างอิงจากสื่อญี่ปุ่นนิกเคอิ เอเชีย รายงานข่าวว่า
ประเทศญี่ปุ่นกำลังพิจารณาหรืออยู่ระหว่างการตัดสินใจ
ว่าจะขูดรีดภาษีกับนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มเติมในหลายๆวิธี
เช่น การยกเลิกร้านค้าปลอดภาษี (Duty Free) และการเก็บภาษีขาออกให้แพงขึ้น
เพื่อหาเงินรายได้เข้าสู่คลังหรือประเทศ โดยที่ไม่ต้องไปกระทบกับปากท้องประชาชนชาวญี่ปุ่น
ข่าวระบุว่า ในขณะนี้พรรครัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านกำลังแข่งกันหาเสียง
ด้วยการออกมาตรการลดภาระต่างๆให้กับชาวญี่ปุ่น
เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นตอนนี้กำลังจะมีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา
โดยมีกำหนดเลือกตั้งในเดือนหน้า หรือกรกฎาคม 2568 นี้แล้ว
ดังนั้นพรรคการเมืองต่าง ๆ จึงพยายามเลี่ยงหรือไม่ออกนโยบายอะไรก็ตาม
ที่จะมาเพิ่มค่าใช้จ่าย เพิ่มภาระ สร้างความเดือดร้อนกับพลเมืองผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
หรือคะแนนเสียงของตนเองนั่นเอง
ดังนั้นทุกฝ่ายจึงพุ่งเป้าไปที่การบวกเพิ่มภาษีกับนักท่องเที่ยวต่างชาติแทน
เพราะมองว่าจะเกิดแรงต่อต้านน้อยที่สุด
ข้อเสนอ ของ "ยูมิ โยชิคาวะ" (Yuumi Yoshikawa)
ส.ส.จากพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล
กล่าว ในที่ประชุมงบประมาณวุฒิสภา ระบุว่า
ทางการญี่ปุ่นควรจะเก็บภาษีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น ให้เท่าเทียมกับประเทศอื่นๆทั่วโลก
และปรากฎว่าผู้นำของญี่ปุ่น นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น "ชิเงรุ อิชิบะ" (Shigeru Ishiba)
ก็ส่งสัญญาณว่าจะนำแนวคิดดังกล่าวที่ว่านี้ไปพิจารณา
ขณะที่สมาชิกอาวุโสจากพรรค LDP กล่าวว่า เห็นด้วยและเหมาะสมแล้ว
ที่จะเรียกเก็บภาษีกับนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีก
เพราะประเทศญี่ปุ่นจะได้รับประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐาน
และบริการสาธารณะของญี่ปุ่นอย่างมาก
"มาเที่ยวญี่ปุ่น ต้องจ่ายเงินเพิ่ม = ภาษีขาออก "
ภาษีขาออก Departure Tax หรือชื่อทางการคือ “International Tourist Tax”
หรือ “Sayonara Tax” ที่ทางการญี่ปุ่นอยากจะเก็บเพิ่มขึ้นนั้น
ประเทศญี่ปุ่นได้เริ่มจัดกับนักท่องเที่ยวครั้งแรกเมื่อ 6 ปีที่แล้ว หรือเริ่มตั้งแต่ปี 2019
โดยประเทศญี่ปุ่นจัดเก็บในอัตรา 1,000 เยนต่อคน (ราว 225 บาท)
ขณะที่ประเทศอื่นๆ เช่น สหรัฐอเมริกาเรียกเก็บ 22.20 ดอลลาร์ (ราว 725 บาท)
อียิปต์เก็บ 25 ดอลลาร์ (ราว 820 บาท)
ซึ่งรายได้จากภาษีดังกล่าว รัฐบาลญี่ปุ่นจัดเก็บได้ประมาณ 50,000–60,000 ล้านเยนต่อปี
และได้นำมาใช้ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวในประเทศ
เช่น ป้ายแปลภาษา ระบบ Wi-Fi ฟรี
ขยายจุดตรวจคนเข้าเมือง (Immigration) และส่งเสริมการท่องเที่ยวญี่ปุ่น
แต่อย่างไรตาม ปัจจุบันนี้ ภาษีผู้โดยสารขาออกที่ถูกกล่าวถึงนั้น
ยังถูกเก็บรวมอยู่ในราคาตั๋วเครื่องบิน
ดังนั้นหมายความว่าต่อให้เป็นพลเมืองญี่ปุ่นเองเดินทางเข้าออกประเทศ
ก็ต้องถูกเก็บภาษีส่วนนี้ด้วยเช่นกันโดยอัตโนมัติ ทำให้ทางการญี่ปุ่นมองว่า
จะเป็นประโยชน์อย่างมาก ถ้าหากภาษีนั้นถูกผลักไปเก็บเพิ่มเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยตรง
หลายคนชอบไปญี่ปุ่น เพราะชอบไปชอปปิง
เพราะมีสินค้าดังๆ หลากหลายประเภท ทั้งของกิน ของใช้
และยิ่งได้ซื้อแบบปลอดภาษี ยิ่งถูกใจสายช็อป
แต่สำหรับทางการญี่ปุ่นมองว่าการซื้อสินค้าเหล่านี้
สุดท้ายไม่ได้ช่วยประเทศเท่าไหร่นัก อย่างที่หวังเอาไว้
ประเทศญี่ปุ่นพยายามหาหนทางหลายๆด้านที่จะช่วยเพิ่มรายได้
โดยเฉพาะการรีดจากภาคการท่องเที่ยวที่กำลังคึกคักสดใส
ข้ออเสนออื่นๆ ที่มีออกมาอีก เช่น
ให้มีการปรับปรุง หรือยกเลิกข้อยกเว้นการเรียกเก็บภาษีบริโภค (Consumption Tax)
ไม่ให้ชาวต่างชาติซื้อสินค้าดิวตี้ฟรีได้อีกต่อไป
เรื่องนี้ทางด้านของ "ทาโร่ อาโซะ" (Taro Aso) อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น
และที่ปรึกษาอาวุโสของพรรค LDP ได้มีการรวบรวมข้อเสนอ
เรื่องการขอให้เลิกร้านค้าปลอดภาษีในประเทศ
โดยได้เสนอเอาไว้เมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคม
รายละเอียดของข้อเสนอดังกล่าว ระบุไว้ว่า
การปล่อยให้ชาวต่างชาติหรือนักท่องเที่ยวต่างประเทศ
แห่เข้ามาชอปปิ้ง ซื้อข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน และยาต่างๆในประเทศญี่ปุ่น
นับว่าไม่ใช่เป้าหมายที่แท้จริงญี่ปุ่นตั้งใจไว้แต่แรก
เพราะสุดท้ายแล้ว การซื้อสินค้าเหล่านั้น ไม่ได้ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่น
หรือช่วยเพิ่มโอกาสในการจ้างงานให้แก่คนญี่ปุ่นเลยแต่อย่างใด
เพราะจุดประสงค์หลักของชาวต่างชาติ มักตั้งใจชอปปิง
หรือจับจ่ายซื้อของเป็นจำนวนมาก เพื่อเอาไปขายต่อมากกว่า
แถมการชอปปิงส่วนใหญ่จะไปกระจุกตัวอยู่ในเขตเมืองใหญ่เท่านั้นด้วย
รัฐบาลญี่ปุ่นจึงตั้งใจเสนอมาตรการเพื่อมาป้องกันกิจกรรมดังกล่าว
ด้วยการยกเลิกระบบ "Tax Free" (หักภาษีออกจากราคา ณ จุดขาย หรือคืนเงิน)
แล้วเปลี่ยนไปใช้ระบบ "Tax Refund" (การคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม) ทดแทน
โดยจะเริ่มต้นใช้ระบบนี้ในเดือนพฤศจิกายน ปีหน้านี้แล้ว หรือใน 2569
แต่สุดท้ายก็ยังถูกคัดค้านว่าต่อให้เปลี่ยนเป็น Tax Refund แล้วก็ตาม
ก็ยังอาจจะไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ และทำให้การฉ้อโกงทำได้ซับซ้อนมากขึ้น
แม้ว่าระบบนี้จะเป็นระบบที่หลาย ๆ ประเทศในยุโรปนิยมใช้กันอยู่ในปัจจุบันก็ตาม
"เป้าหมายสูง ต้องไปให้ถึง 60 ล้านคน"
อย่างไรก็ตาม อย่างที่เรารู้กันว่า
การท่องเที่ยวของญี่ปุ่น ณ ขณะนี้ กำลังบูมอย่างมาก
ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ
ทำยอดพุ่งทะลุเป้า และทำนิวไฮหลายครั้งหลายครา
แต่สำหรับเป้าหมายสูงสุดของประเทศญี่ปุ่น ก็คือ
ภายในอีก 5 ปีหลังจากนี้ หรือภายในปี 2030
ต้องมีนักท่องเที่ยวต่างชาติทะลุไป 60 ล้านคนให้ได้
ซึ่งเป็นตัวเลขนักท่องเที่ยวที่มากกว่าปีที่แล้ว ถึง 70%
และถ้าหากทางการญี่ปุ่น ออกมาตรการใดๆก็ตาม
แล้วส่งผลทำให้นักท่องเที่ยวต้องแบกภาษีสูงขึ้น หรือจ่ายเงินแพงขึ้น
ก็อาจจะกลายเป็นตัวขัดขวางเป้าหมายสูงสุดดังกล่าวได้ทันที
และยังอาจจะทำให้ยอดการใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง
หรืออาจจะมีผลต่อเนื่องไปถึงยอดค้าปลีกและภาคอุตสาหกรรมอื่น ๆได้ด้วย
ความเห็นเรื่องนี้มีสมาชิกอาวุโสจากพรรค LDP คนหนึ่งกล่าวว่า
ผู้คนอาจตื่นตระหนก เมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติน้อยลง
ขณะที่ประเทศญี่ปุ่นเองก็เพิ่งมีการประกาศเปลี่ยนระบบดิวตี้ฟรีตัวใหม่ไปไม่นาน
ถ้าหากจะให้มีการเปลี่ยนแปลงอีกรอบในเร็ว ๆ นี้ก็คงไม่ง่าย
นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าสู่ญี่ปุ่น ทะลักเข้าสู่ประเทศมากกว่า 3 ล้านคนต่อเดือน
กลุ่มหลัก คือ คนจีนและ คนเกาหลีใต้แย่งกันครองแชมป์อันดับหนึ่ง
และที่ผ่านมาหน่วยงานท้องถิ่น เทศบาลหรือเมือง และจังหวัดต่างๆ
ได้เริ่มเก็บภาษีกับนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นแล้วเช่นกัน
องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JNTO) หรือเจเอ็นทีโอ
เปิดเผย จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่น 4 เดือนแรกของปีนี้
มีนักท่องเที่ยวสะสมแล้ว 14,446,600 คน เพิ่มขึ้น 24.5% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับ 10 อันดับแรก ประกอบด้วย
1.เกาหลีใต้ 3,227,800 คน (+7.6%)
2.จีน 3,130,200 คน (+68.1%)
3.ไต้หวัน 2,161,300 คน (+11.5%)
4.สหรัฐ 1,044,400 คน (+30.6%)
5.ฮ่องกง 911,200 คน (+12.8%)
6.ไทย 520,300 คน (+11.6%)
7.ออสเตรเลีย 429,000 คน (+28.6%)
8. ฟิลิปปินส์ 302,200 คน (+12.2%)
9.เวียดนาม 252,400 คน (+7.9%)
10.มาเลเซีย 244,200 คน (+35.5%)
โดยปัจจุบันนี้หน่วยงานท้องถิ่นหรือว่าเทศบาลส่วนต่างๆ
ของญี่ปุ่นได้มีการจัดระเบียบ
และมีการเรียกเก็บเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้น
เพื่อมาดูแลท้องถิ่้นของตนเอง
เช่น โอซาก้า ปรับขึ้นภาษีที่พัก 200 เยน (ราว 45 บาท)
กรณีที่พักที่มีราคาตั้งแต่ 7,000 เยนต่อคืน
และกำลังจะขยายการเก็บเพิ่มรวมไปถึงที่พักที่มีราคาตั้งแต่ 5,000 เยนขึ้นไปด้วยในเร็วๆนี้
ขณะที่โตเกียว ก็ขึ้นภาษีที่พักเช่นกันที่ราคา 200-10,000 เยน (ราว 2,200 บาท)
โดยคาดว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะมีผลบังคับใช้ประมาณปีหน้า
ราวๆเดือนมีนาคม 2026 เป็นต้นไป
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
