พรรคแรงงานเคอร์ดิสถาน (PKK) สลายตัว ยุติสงครามกับตุรกี

สำนักข่าวฟิรัต ซึ่งใกล้ชิดกับกลุ่ม PKK รายงานเรื่องนี้ในวันนี้ (12 พฤษภาคม) โดยรัฐบาลตุรกีได้ออกแบบส่วนหนึ่งของความริเริ่มเพื่อสันติภาพ เพื่อยุติความรุนแรงที่ยืดเยื้อมาถึงสี่ทศวรรษ และการประกาศนี้มีขึ้นหลังเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ อับดุลเลาะห์ โอคาลัน ผู้นำ PKK ที่ถูกจำคุกมาตั้งแต่ปี 1999 ได้เรียกร้องให้กลุ่ม PKK วางอาวุธ เพื่อยุติภาวะปฏิปักษ์ ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วหลายหมื่นคน นับตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 80
PKK ได้จัดการประชุมพรรคทางตอนเหนือของอิรัก และการประชุมจบลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กลุ่มจึงได้เผยว่า ได้บรรลุการตัดสินใจครั้งประวัติศาสตร์ ซึ่งจะชี้แจงกับสาธารณชนเร็วๆนี้
สำนักข่าวฟิรัต รายงานว่า แถลงการณ์ของกลุ่ม PKK ประกาศว่า ได้ประสบความสำเร็จในการท้าทายต่อกรกับนโยบายที่กดขี่ข่มเหงสิทธิชาวเคิร์ดแล้ว PKK ได้ปฏิบัติภารกิจครั้งประวัติศาสตร์เรียบร้อยแล้ว และการประชุมคองเกรส PKK ครั้งที่ 12 จึงตัดสินใจที่จะยุบโครงการองค์กรของ PKK และยุติวิธีการต่อสู้ด้วยอาวุธ ดังนั้น กิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายใต้ชื่อ PKK ถือว่าสิ้นสุดแล้วอย่างเป็นทางการ
ด้านสำนักข่าวอนาโดลู ของทางการตุรกี รายงานอ้างคำกล่าวของโฆษกพรรค AK ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลตุรกีว่า หากการตัดสินใจของ PKK มีผลบังคับใช้เต็มรูปแบบ มีการปิดสาขาของ PKK ทั้งหมด รวมถึงยุบโครงสร้างต่าง ๆ ที่ผิดกฎหมาย ก็จะถือว่านี่คือจุดเปลี่ยน
สำนักข่าวอัล จาซีรา รายงานว่า การประกาศครั้งนี้ ส่งสัญญาณถึงแนวโน้มการยุติความขัดแย้ง ที่กัดกินภูมิภาคนี้มาอย่างยาวนาน ซึ่งขยายไปถึงทางตอนเหนือของอิรักและซีเรีย
ทั้งนี้ กลุ่ม PKK ซึ่งถูกตุรกี สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ขึ้นทะเบียนให้เป็นองค์กรก่อการร้าย ได้ประกาศหยุดยิงไปแล้ว แต่กำหนดเงื่อนไขในการยุบองค์กรไว้ ซึ่งรวมถึงการจัดตั้งกลไกทางกฎหมายเพื่อการเจรจาสันติภาพ
กลุ่ม PKK ระบุว่า ชาวเคิร์ดจะโอบรับกระบวนการสันติภาพและประชาธิปไตย พวกเขาจะเข้าใจถึงการตัดสินใจยุบ PKK และการยุติวิธีการต่อสู้ด้วยอาวุธมากกว่าใครอื่น
กลุ่ม PKK ยังระบุด้วยว่า เชื่อว่าพรรคการเมืองชาวเคิร์ด องค์กรประชาธิปไตยต่างๆ และผู้นำทางความคิด จะทำหน้าที่อย่างเต็มที่เพื่อพัฒนาประชาธิปไตยของชาวเคิร์ด และนำไปสู่การก่อตั้งชาติประชาธิปไตยเคิร์ด
การตัดสินใจของ PKK เกิดขึ้นท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ในซีเรีย ความอ่อนแอของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน และสงครามอิสราเอล-ฮามาสในฉนวนกาซา
การตัดสินใจของโอคาลัน สะท้อนความเปลี่ยนแปลงของกลุ่มติดอาวุธที่ไม่ใช่รัฐ ทั่วตะวันออกกลาง ที่กำลังเผชิญแรงกดดันที่ต้องปรับตัวให้อยู่รอดและมีความชอบธรรม ในขณะที่ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา PKK จำกัดการโจมตีในพื้นที่ห่างไกลของตุรกี เพราะถูกกองทัพตุรกีผลักดันนักรบของ PKK ออกไปตามเทือกเขาชายแดนสู่อิรัก
ความริเริ่มเพื่อสันติภาพนี้ เริ่มต้นในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว เมื่อพรรคร่วมรัฐบาลตุรกีได้เสนอว่า โอคาลันอาจได้รับการอภัยโทษ หากกลุ่ม PKK เลิกใช้ความรุนแรงและยุบตัวไป
ทั้งนี้ การเรียกร้องให้ PKK ยุบองค์กรของโอคาลันนั้น เกิดขึ้นเมื่อ คุณค่าของการสู้รบนั้นเริ่มเลือนหาย และบทบาททางการเมืองของชาวเคิร์ดนั้นกำลังเพิ่มมากขึ้น จึงทำให้ PKK ในฐานะความน่ากลัวในการเมืองตุรกีนั้นอ่อนลง
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พรรคการเมืองที่สนับสนุนเคิร์ดนั้นมีบทบาทมากขึ้น เช่นในปี 2015 พรรค Peoples’ Democratic Party (HDP) สร้างประวัติศาสตร์ ได้คะแนนเลือกตั้งเกิน 10% ซึ่งเป็นเพดานขั้นต่ำที่จะได้มีผู้แทนในรัฐสภาตุรกี ขณะที่ปัจจุบันนี้ พรรคเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคประชาธิปไตยและความเท่าเทียมของประชาชน หรือ DEM ซึ่งมีบทบาทในการเลือกตั้งต่างๆ
การเรียกร้องให้ PKK ยุบองค์กรของโอคาลัน จึงถือเป็นความพยายามที่จะขยายการมีผู้แทนทางการเมืองของชาวเคิร์ดภายใต้ระบบประชาธิปไตยผ่านพรรคการเมืองต่างๆ เป็นความเคลื่อนไหวที่ทรงพลังมากกว่าการต่อสู้ด้วยอาวุธ
แม้ว่าจะไม่ได้ราบรื่นมากนัก เพราะเผชิญข้อจำกัดต่าง ๆ จากรัฐบาลตุรกี จนทำให้ผู้แทนชาวเคิร์ดไม่สามารถลงเลือกตั้งหรือแม้ได้รับเลือกมาแล้ว ก็ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดต่าง ๆ นั้น อาจจะมีการผ่อนคลายมากขึ้นด้วยแนวทางค่อย ๆ ให้พรรคสนับสนุนเคิร์ดมีบทบาท และอาจนำไปสู่การถอดสถานะผู้ก่อการร้าย และสร้างการเล่าเรื่องใหม่ ที่วางสถานะผู้แทนชาวเคิร์ดเป็นผู้เล่นทางการเมืองปกติ
โดยสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาได้แก่
1. ยกระดับหมากต่อรองด้านการทูตของตุรกี
ประเด็นชาวเคิร์ด เป็นประเด็นที่ทำให้ตุรกีมีความตึงเครียดกับหลายชาติมานาน โดยเฉพาะกับสหรัฐฯ และชาติอียู ไม่ว่าจะเป็นความกังวลเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพ การกดขี่ข่มเหงชาวเคิร์ดและการมีผู้แทนทางการเมือง การจำคุกนักการเมืองเคิร์ด ตลอดจนการที่ชาติตะวันตกจับมือกับกลุ่มเคิร์ดสู้รบต้านกลุ่มรัฐอิสลามในซีเรีย การเปลี่ยนผ่านเช่นนี้ จึงเป็นการยกระดับสถานะของตุรกีทั้งในระดับภูมิภาคและโลกด้วย
2. ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นคือ การสู้รบกว่า 40 ปีนี้ ไม่มีผู้ชนะเด็ดขาดทั้งตุรกีและ PKK ดังนั้น การลดความขัดแย้งภายในประเทศได้ จึงเป็นการปรับภาพจำของสาธารณชนด้วย
3. กระบวนการที่ยั่งยืน อาจช่วยลดความตึงเครียดกับอิรักและซีเรีย หลังจากที่ผ่านมา ปฏิบัติการทางทหารของตุรกีต่อกลุ่มติดอาวุธชาวเคิร์ด ทำให้เกิดความบาดหมาง อาจนำไปสู่การยะระดับความร่วมมือด่านความมั่นคงและเศรษฐกิจกับอิรักและรัฐบาลใหม่ซีเรียได้
4. จับตาอนาคตของนักรบ PKK จะหาทางออกกันอย่างไร นิรโทษกรรม ปรับตัวเข้าสู่สังคม เข้าสู่กลไกทางการเมืองของพรรคเคิร์ด หรือลี้ภัยไปประเทศที่สาม