เจาะลึกหนทางจบศึก "ไทย-กัมพูชา"

ไปตามเกม สัปดาห์นี้ คุณชวัลน์ จันทร์ทรัพย์ พาไปเจาะลึก หนทางจบศึก "ไทย-กัมพูชา" กับ รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ โดยรศ.ดร.ปณิธาน ระบุว่า การปะทะกันในตอนนี้ คือการปะทะบางจุด แต่ไม่ได้เป็นแบบเต็มที่ เป็นรูปแบบจำกัด ไม่ใช่สงครามเต็มรูปแบบ ทั้งสองมหาอำนาจเองก็ไม่ได้ต้องการสงครามตัวแทน แม้อาจมีเงื่อนไขบางอย่างที่มหาอำนาจไม่ได้เข้าใจทั้งหมด แต่มองว่า สถานการณ์ไม่ได้แย่ไปทั้งหมด และมีสัญญาณดีอยู่
"เราได้เปรียบทางการทหาร ควบคุมพื้นที่สำคัญได้ ยิ่งหากทำได้ในทุกพื้นที่สำคัญใน 7 จังหวัด พื้นที่ตามเนิน 677 หรือเนินต่างๆ พวกนี้จะทำให้เราได้เปรียบมาก ช่องบก ช่องอานม้า หากทำได้เขาก็ต้องต่อรองกับเรา หมายความว่าเราต้องทำต่อ กดดันไปเรื่อยๆ ปลายทางคือการสร้างเขตกันชน "
ทั้งนี้ รศ.ดร.ปณิธาน มองว่า การสู้รบครั้งนี้ จะยืดเยื้อนะ แต่ไม่ได้รบกันตลอด สามารถพูดได้ว่าตอนนี้สถานการณ์เริ่มลดความรุนแรงลงมาแล้ว เป็นช่วงที่ 3 ไม่ใช่ช่วงที่ 2 ที่ขัดแย้งกันมาก หากเป็นภาพยนต์คือผ่านจุด Climax ไปบ้างแล้ว และหลังจากนี้จะเข้าสู่ช่วงเจรจา
"มีการบีบเพื่อกดดัน ใช้สามมิติ สำคัญที่สุดคือการทหาร นายกฯ กับผู้นำกองทัพจะเป็นเนื้อเดียวกัน ทำงานร่วมกัน ข้อสองต้องอาศัยนักการทูต การเจรจาจากมืออาชีพ สามคือมีฝ่ายการค้าการลงทุนมาช่วย ตอนนี้เราก็ทำอยู่นะ ตอนนี้อาจปิดน่านน้ำด้วยเพื่อบีบต่อ เพื่อกดดันเรื่องการส่งสินค้า น้ำมัน หรือแม้แต่อาวุธ"
ส่วนประธานอาเซียน ที่จะเปลี่ยนจาก อันวาร์ อิบราฮิม มาเป็นมาร์กอส จูเนียร์ จากฟิลิปปินส์ เริ่มงานจริงวันที่ 1 มกราคม รศ.ดร.ปณิธาน มองว่า ตามอุปนิสัยของมาร์กอสหรือแม้แต่คนฟิลิปินส์ จะมีความตรงไปตรงมา แต่นับเป็นสัญญาณดี
"เขาเองก็กังวลเรื่องกัมพูชามาตลอดอยู่แล้ว ฟิลิปปินส์ยังมีสนธิสัญญามะนิลากับเรา ซึ่งแม้จะมีอายุเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยสงครามเย็น แต่ถือว่ามีสายสัมพันธ์ เขาใกล้ชิดกับสหรัฐฯ และก็รู้จักจีนดี เขาอาจเป็นสะพานได้ เราต้องเชื้อเชิญ ให้ข้อมูลประธานอาเซียนคนใหม่ ให้เข้ามารักษาสมดุล ไม่เหมือนกับในตอนนี้ที่อาเซียนอาจถูกมองว่ามีความเอนเอียง ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม"
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
