รีเซต

ไทม์ไลน์น้ำท่วมไทยทั้งปี เปิดจังหวัดเสี่ยงและโครงสร้างภัยพิบัติ

ไทม์ไลน์น้ำท่วมไทยทั้งปี เปิดจังหวัดเสี่ยงและโครงสร้างภัยพิบัติ
TNN ช่อง16
26 พฤศจิกายน 2568 ( 16:03 )
13

ไทม์ไลน์น้ำท่วมไทยทั้งปี จังหวัดเสี่ยงและโครงสร้างภัยพิบัติที่ต้องจับตา

ประเทศไทยกำลังก้าวสู่ยุคที่ “น้ำท่วม” ไม่ได้เกิดเฉพาะฤดูฝนอีกต่อไป แต่กลายเป็นความเสี่ยงรายเดือนจากโครงสร้างภูมิอากาศที่แปรปรวน ร่องมรสุมที่เคลื่อนตัวผิดปกติ และภูมิประเทศที่รองรับน้ำได้น้อยลง ข้อมูลจากรายงานน้ำท่วมรายปีของ Thaiwater และหน่วยงานด้านภูมิอากาศชี้ว่า ทุกเดือนมีจังหวัดเสี่ยงต่างกัน และหลายพื้นที่เผชิญน้ำหลากซ้ำซากจนมองเห็นรูปแบบชัดเจน

มกราคม – อ่าวไทยตอนล่างยังคงวิกฤตจากมรสุม

ต้นปีเป็นช่วงที่ภาคใต้ยังรับอิทธิพลของลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือโดยตรง จังหวัดอย่าง สงขลา ปัตตานี นราธิวาส มักเจอฝนหนักต่อเนื่องจนทำให้หลายพื้นที่น้ำเอ่อ แม้ประเทศส่วนใหญ่จะอยู่ในฤดูแล้ง แต่ฝนจากทะเลจีนใต้กลับสร้างน้ำท่วมฉับพลันได้ในอำเภอที่อยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำ

จุดเชื่อมโยงสำคัญคือ ภาคใต้วงจรน้ำฝนไม่สัมพันธ์กับภาคอื่น จึงเกิดน้ำท่วมในช่วงที่ประเทศส่วนใหญ่ไม่คาดคิด

เมษายน–มิถุนายน – ฝนเปิดฤดูกาล แต่ยังเป็นช่วงน้ำท่วมน้อย

เมื่อฤดูฝนเริ่มต้น ปริมาณน้ำยังไม่มากพอทำให้แม่น้ำสายหลักล้นตลิ่ง แต่พื้นที่สูงในภาคเหนือและอีสานเริ่มเผชิญน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะจังหวัด น่าน พะเยา อุตรดิตถ์ เลย ชัยภูมิ ที่มีภูเขาชันและลำน้ำสาขาเป็นจำนวนมาก

แม้จะไม่ใช่ช่วงวิกฤต แต่ช่วงนี้ถือเป็นสัญญาณว่าดินเริ่มอุ้มน้ำ เมื่อเดินหน้าเข้าสู่กลางปี ความเสี่ยงจะสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

กรกฎาคม – จุดเริ่มต้นของน้ำหลากทั่วประเทศ

เข้าสู่ครึ่งหลังของปี ร่องมรสุมพาดผ่านไทยตอนบน และปริมาณฝนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ 21 จังหวัด ในภาคเหนือ อีสาน และตะวันออกเริ่มประสบอุทกภัย เช่น

  • ภาคเหนือ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก ตาก น่าน
  • ภาคอีสาน หนองคาย มหาสารคาม ขอนแก่น ชัยภูมิ
  • ภาคตะวันออก ปราจีนบุรี สระแก้ว ตราด

น้ำท่วมในช่วงนี้เริ่มมีความกว้างขวาง เพราะฝนบนภูเขาไหลลงสู่ที่ราบ ทำให้หลายจังหวัดต้องเผชิญน้ำหลากแบบรวดเร็ว

สิงหาคม – ฝนสม่ำเสมอ ความเสี่ยงขยายสู่ 29 จังหวัด

แม้ฝนจะไม่ได้หนักเป็นระลอก แต่ดินอิ่มน้ำจนทำให้ฝนเพียงไม่กี่ชั่วโมงสามารถสร้างน้ำท่วมได้ทันที ความเสี่ยงกระจายสู่ 29 จังหวัด ทั้งภาคเหนือ อีสาน และใต้ โดยเฉพาะจังหวัดชายฝั่งอันดามันอย่าง สตูล ที่เริ่มได้รับผลของหย่อมความกดอากาศจากทะเล

ความเชื่อมโยงสำคัญคือ น้ำหลากช่วงนี้เกิดจาก “น้ำค้างท่อ” ที่สะสมจากหลายสัปดาห์ก่อน ทำให้ภัยท่วมเริ่มเกิดเร็วขึ้นและกระจายกว้างขึ้น

กันยายน – เดือนที่เสี่ยงที่สุดในเชิงภูมิศาสตร์

กันยายนคือช่วงที่น้ำท่วมครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 36 จังหวัด โดดเด่นในหลายภูมิภาค ได้แก่

  • ภาคเหนือ พิจิตร พิษณุโลก สุโขทัย
  • ภาคอีสาน นครพนม อุดรธานี ร้อยเอ็ด หนองคาย
  • ภาคกลาง อยุธยา นครสวรรค์ อ่างทอง ชัยนาท
  • ภาคใต้ สตูล ยังคงมีฝนรอบใหม่

ช่วงนี้เป็นเวลาที่ร่องมรสุมเคลื่อนตัวผ่านไทยบ่อยที่สุด ส่งผลให้ทั้งลุ่มเจ้าพระยาและลุ่มแม่น้ำโขงมีระดับน้ำสูงพร้อมกัน จึงกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่น้ำหลากเริ่มขยายวงกว้างที่สุด

ตุลาคม – เดือนที่น้ำท่วมมากที่สุดของปี

สถิติหลายปีตรงกันว่า ตุลาคมคือเดือนที่มี พื้นที่น้ำท่วมมากที่สุด รวมกว่า 4.13 ล้านไร่ ครอบคลุม 39 จังหวัด โดยเฉพาะ

  • ภาคเหนือ พิษณุโลก พิจิตร สุโขทัย เชียงราย
  • ภาคอีสาน ครอบคลุมกว่า 17 จังหวัด
  • ภาคกลาง สุพรรณบุรี อยุธยา นครสวรรค์
  • ภาคตะวันออก ปราจีนบุรี

เชื่อมโยงแล้วจะพบว่า ตุลาคมเป็นช่วงที่น้ำเหนือไหลหลากลงสู่เจ้าพระยา ขณะเดียวกันภาคกลางมีฝนซ้ำ และเขื่อนใหญ่ต้องเร่งบริหารจัดการน้ำ ทำให้ทุกปัจจัยมาบรรจบกันจนเกิดน้ำท่วมมากที่สุดในรอบปี

พฤศจิกายน – น้ำลดช้า แต่พื้นที่ท่วมยังสูงถึง 41 จังหวัด

แม้ร่องมรสุมจะอ่อนกำลังลง แต่หลายจังหวัดยังมีน้ำท่วมต่อเนื่อง โดยมีพื้นที่รับผลกระทบกว่า 2.16 ล้านไร่

  • ภาคอีสานยังคงเสี่ยง โดยเฉพาะริมโขง
  • ภาคกลาง เช่น อยุธยา สิงห์บุรี ชัยนาท ยังมีระดับน้ำสูง
  • ภาคใต้เริ่มเข้าสู่วงจรฝนปลายปี โดยเฉพาะ ปัตตานี สงขลา ตรัง

เดือนนี้เป็นช่วงที่ประเทศไทยเผชิญ “น้ำท่วมทับซ้อน” ระหว่างน้ำเหนือที่ยังลงไม่หมด กับน้ำฝนใหม่ที่เริ่มตกหนักภาคใต้

ธันวาคม – ปิดท้ายปีด้วยน้ำท่วมจากมรสุมรอบใหม่ในภาคใต้

ช่วงสิ้นปีน้ำเริ่มลดในภาคเหนือและกลาง แต่ภาคใต้กลับเข้าสู่วงจรฝนหนักอีกครั้ง ทำให้จังหวัดอย่าง นครศรีธรรมราช ปัตตานี ตรัง สงขลา เสี่ยงน้ำหลาก ส่วนลุ่มเจ้าพระยาบางส่วน เช่น สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา นครสวรรค์ ยังคงมีน้ำท่วมจากการระบายช้า

สิ้นปีจึงกลายเป็นรอบใหม่ของอุทกภัยในฝั่งใต้ ขณะที่ภาคอื่นกำลังผ่านจุดวิกฤตไปแล้ว

ภาพรวมสำคัญ ภาคใดเสี่ยงที่สุดตลอดปี

จากข้อมูลตลอดทั้งปีพบว่า

  • ภาคอีสาน คือภูมิภาคที่เสี่ยงนานสุด โดยเฉพาะจังหวัดริมโขง เช่น นครพนม หนองคาย อุดรธานี
  • ภาคกลางและภาคเหนือ เสี่ยงหนักสุดในช่วงกันยายน–ตุลาคม จากน้ำหลากและการระบายน้ำจากเขื่อน
  • ภาคใต้ มีรูปแบบเฉพาะตัว คือ “น้ำท่วมต้นปีและปลายปี” จากมรสุมอ่าวไทยและอันดามัน

รูปแบบนี้สะท้อนว่าประเทศไทยเผชิญภัยน้ำท่วมตลอดทั้งปี และการรับมือจำเป็นต้องแยกตามภูมิภาค เพราะสาเหตุไม่เหมือนกัน

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง