รีเซต

ASPS เปิดกลยุทธ์ลงทุนมี.ค. หุ้นไหนควรมี-ควรหลีกเลี่ยง?

ASPS เปิดกลยุทธ์ลงทุนมี.ค. หุ้นไหนควรมี-ควรหลีกเลี่ยง?
ทันหุ้น
26 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:00 )
70
ASPS เปิดกลยุทธ์ลงทุนมี.ค. หุ้นไหนควรมี-ควรหลีกเลี่ยง?

ทันหุ้น - บล.เอเซีย พลัส หรือ ASPS ส่องกลยุทธ์การลงทุนเดือนมีนาคม หุ้นไทย เศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัว อีกทั้งมีหลายปัจจัยที่คอยสนับสนุนให้ Fund Flow ต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องในระยะกลาง-ยาว ดังนั้น คงน้ำหนักหุ้นไทยไว้ที่ 40% (มากกว่าตลาดฯ) กลยุทธ์เลือกหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่งที่ฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ อาทิ PTT CPN MINT SPVI และหุ้นปันผลสูงอย่าง MCS SPALI ส่วนหุ้น Overvalue ที่ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุน คือ DELTA และ OR


การลงทุนต่างประเทศ

สถานการณ์ระบาดของ COVID-19 ที่ลดลงอย่างต่อเนื่องทั่วโลกบวกกับวัคซีนที่มีการกระจายตัวในหลายประเทศ  จนเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของภาพรวมเศรษฐกิจชัดขึ้น โดยฝ่ายวิจัยฯ  เพิ่มน้ำหนักหุ้นต่างประเทศ 5% เป็น 25% ของพอร์ตการลงทุน (Neutral) กลยุทธ์เน้นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัว และธุรกิจยังเติบโตต่อเนื่องในปีหน้า 2565 อย่าง Blackrock Inc (BLK US) และ Walt Disney Co/The (DIS US)


ตราสารหนี้

จำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่ลดลง และการเดินหน้าฉีดวัคซีนของทั่วโลก กดดันให้ Fund Flow เริ่มไหลออกจากสินทรัพย์ปลอดภัยสะท้อนจาก Bond Yield โลกปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำจุดสูงสุดในรอบหลายเดือน ดังนั้นจึงลดน้ำหนักตราสารหนี้เหลือ 15% ของพอร์ตรวม เน้นตราสารหนี้ที่ Duration เฉลี่ยไม่เกิน 3 ปี และมี Rating ระดับ Investment Grade ขึ้นไป Top picks คือ CPNREIT232A และ CPALL256A


กลยุทธ์การลงทุน

สถานการณ์ COVID-19 ทั่วโลกมีแนวโน้มดีขึ้น อย่างต่อเนื่องโดยพิจารณาค่าเฉลี่ยยอดผู้ติดเชื้อ รายใหม่ทั่วโลก ปัจจุบันเดือน ก.พ.2564 มีจำนวน 4.09 แสนราย ลดลงเมื่อเทียบกับ 6.30 แสนรายในเดือน ม.ค.2564 รวมถึงไทยควบคุมได้ดี เช่นกัน

อีกทั้ง ปัจจุบันเริ่มเห็นความคืบหน้าของวัคซีนมากขึ้น ในฝั่งเอเซีย สะท้อนจากช่วงกลางเดือน ก.พ.2564 ที่ผ่านมา หลายประเทศในเอเชียเริ่มเดินหน้าฉีดวัคซีนกันมากขึ้น เช่น ญี่ปุ่น, มาเลเซีย, ฮ่อ งกง และไทย ที่วัคซีนชุดแรก จะเริ่มต้นฉีดช่วงปลายเดือน ก.พ. หรือต้น มี.ค.2564 และตั้งเป้าว่าในปี 2564 จะฉีดวัคซีนฟรีให้ประชาชนไม่น้อยกว่า 63 ล้านโดส หนุนเศรษฐกิจส่งสัญญาณฟื้นตัวกลับอีกครั้ง  บวกกับยังมีแรงขับเคลื่อนจากหลายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐที่อัดฉีดเม็ดเงินก้อนใหญ่เข้ามาในช่วงเดือน  มี.ค.


แนวโน้ม Fund Flow ในเดือน มี.ค.64 ยังมีหลายปัจจัยหนุน ให้ไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทย คือ 1) สภาพคล่องส่วนเกินที่ล้นระบบ  สังเกตได้จากมูลค่าการซื้อ ขายเฉลี่ยตั้ง  แต่ต้นปีที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต และยอดการเปิดบัญชีซื้อ  ขายหุ้นเร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยฯ 2) Bond Yield ของไทยที่ขยับขึ้น ต่อเนื่อง เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ จนล่าสุดอยู่ที่ 1.62% แสดงให้เห็นถึงเม็ดเงินเริ่มไหลออกจากสินทรัพย์ปลอดภัย และมีโอกาสไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงในระยะถัดไป 3) การฉีดวัคซีนที่กระจายตัวมากขึ้น ต่อจากนี้ บวกกับตลาดหุ้นไทยยัง Laggard กว่าตลาดหุ้นอื่นๆ เมื่อวัดจากจุดสูงสุดก่อนเกิด COVID-19 ทำให้ต่างชาติมีโอกาสกลับมาสนใจหุ้นไทยมากขึ้น


กำไรบริษัทจดทะเบียนงวด 4Q63 Downside ค่อนข้างจำกัด จากการรับมือ COVID-19 รอบ 2 ได้ดีกว่าที่คาด รวมถึงน่าจะเห็นการเติบโตก้าวกระโดด YoY ในงวด 1Q64 จากฐานที่ต่ำในปีก่อนหน้า หนุนกำไรทั้ง ปี 2564F ยังมีโอกาสฟื้นตัวมากกว่า 30% (สูงเป็นลำดับต้นๆในภูมิภาค) ขณะที่ Valuation ของตลาด ณ ปัจจุบัน มี Market Earning Yield Cap สูงถึง 3.9% ถือเป็นระดับที่น่าสนใจในการเข้าสะสมหุ้น โดยฝ่ายวิจัยยังคงประเมินเป้าหมายดัชนีปี 2564 ไว้ที่ 1646 จุด


กลยุทธ์เลือกหุ้นพื้น ฐานแข็งแกร่งที่มีโอกาสฟื้นตัวได้ดีกว่าตลาดในปี 2564 แนะนำ PTT, CPN, MINT, SPVI รวมถึงควรมีหุ้นปันผลติดพอร์ต เพื่อลดความผันผวนหรือความเสี่ยงจากต่างประเทศ แนะนำ SPALI, MCS ในทางตรงกันข้ามหุ้นที่ขยับขึ้น มาแรงจนเกินมูลค่าทางพื้นฐาน อย่าง DELTA, OR ต้องระมัดระวังในการชื้อขายหรือเก็งกำไร

ข่าวที่เกี่ยวข้อง