ท้าชิงเบอร์ 1 โลก "ไทย" ส่งออก อาหารหมา-แมว ตอบโจทย์เกรดพรีเมียม บำรุงเฉพาะทาง

"ไทย" มาแรง ท้าชิงเบอร์ 1 โลก ส่งออก อาหารหมา-แมว
ไทยขึ้นแท่นเบอร์ 2 ของโลก ส่งออกอาหารหมา อาหารแมวมากที่สุด ด้วยมูลค่ากว่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และโตถึง 29% จากปีก่อน และยังตอกย้ำว่าตอนนี้กระแสของตลาดที่เกี่ยวข้องสัตว์เลี้ยงยังมาแรงไม่ใช่แค่ไทย แต่ในระดับโลก
ตลาดของอาหารหมาและแมวทั่วโลกยังคงคึกคักเป็นอย่างมาก โตสวนทางกับเศรษฐกิจ และไทยเราก็มีโอกาสรออยู่มากด้วยเช่นกัน
ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ โดยนายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผย สถานการณ์การค้าสินค้าอาหารหมาและแมวของโลก และไทย ในปีที่ผ่านมา (2567) ไทยเราได้ขึ้นแท่นเป็นผู้ส่งออกอาหารหมาและแมว เป็นอันดับที่ 2 ของโลกแล้ว ด้วยมูลค่ากว่า 2,677.03 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตถึง 29% เทียบกับปีก่อน และเรายังได้ครองส่วนแบ่งถึง10% ของมูลค่าส่งออกอาหารหมาและแมวของทั้งโลก จากมูลค่าการนำเข้ารวมของทั้งโลกในปีที่ผ่านมาที่สูงถึง 26,466.28 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนที่หนึ่งของโลก ก็คือ ประเทศเยอรมนี ครองแชมป์อันดับที่ 1 มาหลายปีแล้ว โดยเยอรมนี ส่งออกเป็นมูลค่า 3,282.69 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งครองสัดส่วน 12.3% ของมูลค่าส่งออกรวมของโลก
อันดับที่สาม ได้แก่ สหรัฐอเมริกา (มูลค่าการส่งออก 2,520.71 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วน 9.4%)
อันดับที่สี่ โปแลนด์ (มูลค่าการส่งออก 2,408.40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วน 9.0%)
และอันดับที่ห้า ได้แก่ ฝรั่งเศส (มูลค่าการส่งออก 2,307.87 ล้านเดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วน 8.6%)
กระทรวงพาณิชย์มองว่าประเทศไทยเรามีศักยภาพสูงสำหรับการแข่งขันในตลาดนี้ โดยที่ผ่านมาเราเติบโตได้อย่างมีเสถียรภาพ และยังมีโอกาสเติบโตได้ต่อเนื่องไปอีก สามารถกระจายในหลากหลายตลาด เนื่องจากประเทศไทยมีจุดเด่น และมีภาพลักษณ์ที่ดีในด้านคุณภาพและมาตรฐานสินค้าอาหาร ซึ่งรวมไปถึงกลุ่มของอาหารสัตว์เลี้ยงด้วย โดยปีที่ผ่านตลาดส่งออกใหญ่ที่สุดของไทย ก็คือ สหรัฐอเมริกา ครองส่วนแบ่งถึง 32.4% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของไทย ด้วยมูลค่า 868.40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวถึง 47%
ส่วนตลาดสำคัญรองลงมา ได้แก่ ญี่ปุ่น มูลค่าการส่งออก 329.37 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วนอยู่ที่ 12.3%
ออสเตรเลีย มูลค่าการส่งออก 167.21 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วน 6.2% ขยายตัว 45%
อิตาลี เบอร์ 1 ในการนำเข้าจากกลุ่มของสหภาพยุโรป มีตัวเลขเติบโตอย่างน่าสนใจทั้งกลุ่ม โดยอิตาลี มีมูลค่าการส่งออก 164.94 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วน 6.2% ขยายตัว 34%
และมาเลเซีย ก็เป็นหนึ่งตลาดใหญ่ของอาเซียน มีมูลค่าการส่งออก 138.18 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วน 5.2% ขยายตัว 8%
ขณะที่ตลาดเอเชียตะวันออกเราก็ยังทำการค้าขายได้ดีเติบโตในหลายประเทศ เช่น ไต้หวัน จีน และเกาหลีใต้ ขยายตัวที่ 18% ส่วนตลาดของเอเชียใต้ มีอินเดีย ที่เป็นตลาดส่งออกสำคัญ
ส่วนตลาดที่ไทยน่ารุกเข้าไปเจาะเพิ่มเติม ก็คือ ตลาดตะวันออกกลาง เป็นตลาดใหม่ที่ไทยยังส่งออกไปน้อย แต่มีตลาดศักยภาพที่น่าจับตามอง เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดีอาระเบีย คูเวต อิสราเอล และตุรกี
เทรนด์ทั่วโลกตอนนี้ พบว่าคนหันไปเลี้ยงหมาเลี้ยงแมวมากขึ้น
ส่วนเทรนด์ของอาหารสัตว์เลี้ยงที่กำลังมาแรง คือ อาหารพรีเมียม แพงหน่อยแต่ก็ซื้อ เน้นไปสารอาหารเฉพาะทาง และดูแลสุขภาพได้เต็มที่ เพราะมองว่าหมาแมว นั้นคือ ลูก
สาเหตุสำคัญ ที่ทำให้ประเทศไทยมีโอกาสขยายตลาดไปได้ในหลากหลายภูมิภาค เพราะกระแสหรือเทรนด์ในการเลี้ยงหมาแมวยังคงโตต่อเนื่องทั่วโลก ส่วนหนึ่งมาจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร มีผู้สูงอายุมากขึ้นนิยมเลี้ยงสัตว์เป็นเพื่อน ครอบครัวยุคใหม่ก็มีขนาดเล็กลง คนรุ่นใหม่ไม่แต่งงาน หรือแต่งแต่ไม่มีลูกก็มากขึ้น แล้วก็หันไปเลี้ยงสัตว์มากขึ้น
นอกจากนี้ พฤติกรรมของทาสหมาทาสแมว คือ สายเปย์ รักหมารักแมวเหมือนลูก จึงมองสิ่งที่ดีที่สุด โดยเฉพาะอาหาร เทรนด์ในตอนนี้คือผู้บริโภคในหลายประเทศที่หันมาสนใจสินค้าจากต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าที่เป็นเกรดพรีเมียมจากต่างประเทศ เน้นคุณค่าทางโภชนาการมากขึ้น เป็นโจทย์ที่ตรงกับสินค้าของไทย เพราะมีผู้ประกอบการไทยที่พัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารที่หลากหลายฟังก์ชัน เช่น อาหารสัตว์เลี้ยงเพื่อสุขภาพ วิตามินสูง สัตว์เลี้ยงเด็ก สัตว์เลี้ยงป่วยหรือชรา ไทยเรามีสูตรที่หลากหลายและใช้วัตถุดิบคุณภาพ สามารถเป็นผู้นำของเทรนด์โลกได้
รวมไปถึงอีกหนึ่งเทรนด์ที่กำลังมาแรงในต่างประเทศ ก็คือ ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น ซอง และกระป๋องต่างๆ
สำหรับล่าสุดการส่งออกช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ (2568) กระทรวงพาณิชย์รายงานว่าไทยส่งออกอาหารหมาและแมว เป็นมูลค่า 1,685.74 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 10.72% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสหรัฐฯ ยังคงเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย โดยการส่งออกไปสหรัฐฯ มีมูลค่า 609.86 ขยายตัว 26% ซึ่งนับว่าเป็นการเติบโตได้อยู่ท่ามกลางอัตราภาษีนำเข้าที่เราโดนเรียกเก็บที่ 19% แต่เชื่อมั่นว่าไทยยังมีโอกาสแข่งขันด้านราคา อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นกฎเกณฑ์การสะสมถิ่นกำเนิดสินค้า (Local Content) ที่ต้องติดตามต่อไป
พร้อมกันนี้แนะนำว่าผู้ประกอบการไทยควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพสินค้า สร้างมาตรฐาน และภาพลักษณ์สินค้าไทยด้วยการวิจัย และพัฒนา เพิ่มสัดส่วนการใช้วัตถุดิบในประเทศ สร้างสรรค์อาหารสัตว์เลี้ยงรูปแบบใหม่ ๆ ที่เสริมสร้างสุขภาพ และให้คุณค่าทางโภชนาการที่หลากหลาย เพื่อสามารถเข้าถึงตลาดตามความต้องการของแต่ละกลุ่มแต่ละประเทศ และจะทำให้ประเทศไทยสามารถก้าวขึ้นเป็นอันดับ 1 ของการส่งออกอาหารสุนัขและแมวของโลกได้ในไม่ช้า
สอดคล้องกับข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย ที่คาดการณ์แนวโน้มการส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงของไทย มองว่าการยังโตได้อย่างโดดเด่น ตามความนิยมเลี้ยงสัตว์ทั่วโลก โดยเฉพาะในสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อและจำนวนสัตว์เลี้ยงมาก โดยสหรัฐฯ รายได้เฉลี่ยต่อหัวประชากรสูงราว 85,373 เหรียญสหรัฐฯ อีกทั้งยังมีจำนวนสัตว์เลี้ยงในประเทศสูงถึง 144 ล้านตัว สะท้อนถึงมีกำลังซื้อที่พร้อมจะจ่ายเพื่อสัตว์เลี้ยง
อย่างไรก็ตาม การแข่งขันของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงในตลาดส่งออกยังคงมีแนวโน้มรุนแรง โดยเฉพาะกับคู่แข่งที่ได้เปรียบด้านราคาและระยะขนส่งที่ใกล้กับตลาดคู่ค้าสำคัญ ไทยเจอการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะในตลาดคู่ค้าหลัก เช่น สหรัฐฯ ไทยต้องเจอคู่แข่งที่สำคัญอย่าง เม็กซิโก ที่มีข้อได้เปรียบในเรื่องระยะขนส่งที่ใกล้ หรือญี่ปุ่น ที่ไทยต้องแข่งกับเกาหลีใต้ ซึ่งได้เปรียบด้านราคา
และยังมีความเสี่ยงด้านต้นทุนการผลิตยังคงผันผวน โดยเฉพาะวัตถุดิบ อาทิ ปลาทูน่า ซึ่งมีสัดส่วนกว่า 60% ของต้นทุนการผลิตทั้งหมด มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น จากสภาพอากาศที่แปรปรวน ทำให้ผลผลิตลดลง มาตรการด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงมาตรการทางการค้าอื่นๆ ที่อาจจะส่งผลกระทบกับการส่งออกของไทยได้
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
