ไม่คิดจะมากมายขนาดนี้ "น้องโวลต์" ขอบคุณธารน้ำใจ แห่ช่วยได้เรียนหมอ
น้องโวลต์ ขอปิดรับบริจาค แห่ช่วยสมทบทุนการศึกษา เรียนเก่งสอบติดแพทย์ศาสตร์ แต่ฐานะทางบ้านไม่เอื้อ ยอดทะลุ 2.7 ล้าน ไม่คิดจะมากมายขนาดนี้ ขอบคุณธารน้ำใจทั่วประเทศ สัญญาจะตั้งใจเรียนใช้เงินทุกบาทให้คุมค่า จบหมอออกมาตอบแทนสังคม
จากกรณีชาวเน็ตแห่แชร์เรื่องราวของ น้องโวลต์ น.ส.ณัฐวดี เหล่าบุบผา อายุ 18 ปี นักเรียนโรงเรียนกาฬสินธุ์พิทยาสรรพ์ จ.กาฬสินธุ์ เรียนเก่งจนสอบติดคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ประจำปี 2564 รุ่นที่ 16 ซึ่งจะเดินทางไปศึกษาต่อในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2564 นี้ แต่ครอบครัว ฐานะยากจน ครอบครัวอาชีพปลูกผักสวนครัวขาย พร้อมเชิญชวนร่วมช่วยเหลือทุนการศึกษาให้น้องโวลต์ ได้ศึกษาจนจบคณะแพทย์ศาสตร์
โดยเรื่องนี้ วันที่ 10 พ.ค.2564 นายสมเจตน์ เต็งมงคล นายอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จ.กาฬสินธุ์ นายพูนเพิ่ม พรไตรศักดิ์ ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง เจ้าหน้าที่บ้านพักเด็ก และเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลโพนทอง อ.เมืองกาฬสินธุ์ เดินทางเข้าเยี่ยม น้องโวลต์ อายุ 18 ปี ที่บ้านเลขที่ 14 หมู่ 9 บ้านหามแห ต.โพนทอง อ.เมืองกาฬสินธุ์ โดยพบสภาพบ้านเป็นเพิงหมาแหงนมุงสังกะสี อยู่กลางสวนท้ายหมู่บ้าน โดยมีนางมนสิชา อุดรบูรณ์ เจ้าของโรงเรียนกวดวิชาบ้านความรู้ เป็นผู้ให้ข้อมูล
นายอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ กล่าวว่า นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ ทราบข่าวว่า น้องโวลต์ เป็นเด็กเรียนดี สอบติดคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ประจำปี 2564 รุ่นที่ 16 แต่ครอบครัวมีฐานะค่อนข้างลำบาก จึงมอบหมายให้เข้ามาดูพื้นฐานครอบครัวน้องโวลต์ และสอบถามข้อเท็จจริง โดยทราบจากน้องโวลต์ พ่อ และครูที่ปรึกษาว่า ค่าใช้จ่ายเรียนแพทย์นั้นค่อนข้างสูง ใช้เวลาศึกษา 6 ปี ปีการศึกษาละ 8 หมื่นบาท หากใช้เงินทุนส่วนตัวคงไม่เพียงพอ และคงจะไม่สามารถศึกษาจนจบหลักสูตรได้ จึงได้เปิดบัญชีรองรับการสนับสนุน
" ทราบว่ามียอดบริจาคเข้ามาแล้วประมาณ 2,700,000 บาท และขณะนี้ได้ปิดรับการบริจาคแล้ว เพราะประเมินว่าเพียงพอต่อการที่จะใช้เป็นทุนสำหรับเรียนแพทย์ อย่างไรก็ตามในส่วนของการเบิกจ่ายเงินที่ได้รับการโอนเข้ามาช่วยเหลือ จะได้ร่วมกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องปรึกษากัน เพื่อให้การจ่ายเงินที่ได้รับจากการบริจาคเกิดผลคุ้มค่า และสมเจตนารมณ์ของผู้มีจิตอันเป็นกุศลมากที่สุด "
ด้านน้องโวลต์ กล่าวว่า มีความสนใจที่จะเรียนหลักสูตรแพทยศาสตร์บัณฑิต มานานเพราะเห็นว่าเป็นอาชีพที่สามารถรักษาคนเจ็บป่วยให้หายเป็นปกติ ถือว่าเป็นอาชีพที่สำคัญ และคอยช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์ ยิ่งมาในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ซึ่งบุคลากรทางการแพทย์ พยาบาลนั้น ยังไม่เพียงพอ จึงตั้งใจที่จะเรียนให้จบหลักสูตร นำความรู้ ความสามารถ มาประกอบวิชาชีพรักษาพยาบาลคนป่วยไข้ในพื้นที่จ.กาฬสินธุ์บ้านเกิด
"ทราบว่าทุนที่จะใช้ในการศึกษาหลักสูตรดังกล่าวสูงมาก แต่ก็มีความตั้งใจจริงที่จะศึกษาให้จบ เบื้องต้นได้กู้เงิน กยศ. เพื่อเป็นทุนการศึกษา แต่คงไม่เพียงพอ อาจารย์ที่ปรึกษาและผู้ปกครอง จึงได้ปรึกษากันเพื่อเปิดบัญชีขอรับการสนับสนุนทุนการศึกษา คิดว่าน่าจะได้ไม่เท่าไหร่ แต่ปรากฏว่าธารน้ำใจที่สังคมโอนเข้ามาในบัญชีจำนวนมากเกินความคาดหมาย จึงขอยุติการรับโอนและขอกราบขอบพระคุณทุกท่านเป็นอย่างมาก หนูจะตั้งใจเรียนและทำให้ดีที่สุด เพื่อที่จะเป็นหมอรักษาคนเจ็บป่วยความความฝันที่ได้ตั้งใจไว้"
ขณะที่ นายธนวุฒิ เหล่าบุบผา อายุ 53 ปี พ่อน้องโวลต์ กล่าวว่า ตนกับภรรยามีบุตรด้วยกัน 3 คน คนโตรับราชการทหาร น้องโวลต์เป็นคงกลาง และลูกสาวอีกคนกำลังจะขึ้นชั้น ม.5 น้องโวลต์เป็นเด็กดี ขยันเรียนมาตั้งแต่ชั้นประถมศึกษา ซึ่งกับภรรยาประกอบอาชีพปลูกผักสวนครัว ส่งขายให้กับพ่อค้า แม่ค้า นำไปขายตลาดสด รายได้ก็พอหล่อเลี้ยงครอบครัวและส่งเสียบุตรเล่าเรียนหนังสือตามกำลัง
" เพิ่งมาทราบว่าน้องโวลต์ อยากเรียนแพทย์อย่างจริงจังเมื่อตอนเรียน ม.4 เพราะเห็นนำหนังสือสำหรับหลักสูตรนี้มาอ่านหลายเล่ม ซึ่งก็ให้กำลังใจและพยายามกัดฟันสู้ เพื่อที่จะเป็นทุนการศึกษาให้ลูก นอกจากนี้ยังได้สอบถามหลายๆคน เกี่ยวกับค่าใช้จ่าย ทุนการศึกษาในระหว่างเรียนแพทย์ ว่าจำนวนสูงมาก เกินกำลังแรงที่พ่อแม่ที่เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาจะส่งเสียได้ ที่หนักใจคือค่าใช้จ่ายต่างๆระหว่างเรียน หากเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวน่าจะพอหาได้ พอครูที่ปรึกษาน้องโวลต์มาปรึกษา เพื่อหาทุนการศึกษาและส่งต่อน้องโวลต์สู่จุดหมาย และมีผู้บริจาคเข้ามาจึงขอกราบขอบพระคุณทุกท่านมีจิตศรัทธา ช่วยเหลือน้องโวลต์และครอบครัวผมในครั้งนี้ "