รีเซต

ตั้งเป้า ตร.ไซเบอร์ อีก 2 ปี ต้องมี 2,000 นาย พร้อมรับทำคดีทางออนไลน์

ตั้งเป้า ตร.ไซเบอร์ อีก 2 ปี ต้องมี 2,000 นาย พร้อมรับทำคดีทางออนไลน์
TNN ช่อง16
23 มกราคม 2566 ( 15:43 )
42

“ชัยวุฒิ”ตั้งเป้า ตร.ไซเบอร์ อีก 2 ปี มี 2,000 นาย พร้อมรับทำคดีทางออนไลน์    


นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อ เศรษฐกิจและสังคม กล่าวถึงการจัดตั้งตำรวจไซเบอร์ กว่า 2,000 คน ที่จะดูแลงานด้านอาชญากรรมทางดิจิทัล  และ ออนไลน์ โดยตรงว่า รัฐบาลให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาภัยออนไลน์และได้มีการตั้งกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็นระดับกองบัญชาการ ซึ่งหน่วยงานนี้ได้ตั้งมาสองปีแล้วมีอัตรากำลังตามเป้าคือต้องมีอัตรากำลังพลถึง 2000 นาย ตอนนี้อยู่ระหว่างโอนตำรวจ ตำรวจจากหน่วยงานต่างๆซึ่งตอนนี้ได้ประมาณเกือบ 1000 นาย และจะมีการตั้งเป้าว่าจะได้ 2000 นาย ในอีกสองปีข้างหน้าซึ่งการย้ายตำรวจนั้นจะต้องมีการฝึกอบรมเพราะตำรวจที่เข้ามาทำหน้าที่จะมีอำนาจหน้าที่ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ในการตรวจสอบข้อมูลต่างๆทางอินเตอร์เน็ตในโลกออนไลน์ ดังนั้นจึงคิดว่าหน่วยงานนี้จะเป็นหน่วยงานสำคัญที่สุดในอนาคต จะมีบทบาทสำคัญในการทำคดีออนไลน์รับแจ้งความรับเรื่องร้องเรียนต่างๆผ่านระบบออนไลน์ซึ่งได้ทำการเปิด เวปไซด์ thaipoliceonline.com แล้ว


นายชัยวุฒิ ย้ำว่า ตอนนี้หน่วยงานตำรวจได้ทำได้ดำเนินการ เรื่องนี้มาโดยตลอดโดยผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติพยายามที่ลงมาติดตามและพยายามดึงคนเข้ามาช่วยงานอาจจะยังไม่ได้ย้ายมาอย่างเป็นทางการแต่มีทีมงานเติมเข้ามาเรื่อยๆเนื่องจากคดีทางด้านออนไลน์เยอะมากเพราะประชาชนเข้าถึงอินเตอร์เน็ตมีการใช้บริการธุรกรรมผ่านทางออนไลน์ มากขึ้น ดังนั้นก็จะมีคนร้ายเข้ามาหลอกลวงประชาชนเป็นจำนวนมาก ซึ่งการจัดตั้งหน่วยงานนี้ก็จะมีหน้าที่ในการรับแจ้งความออนไลน์ในทุกรูปแบบเมื่อเจอคนร้ายในรูปแบบเดียวกันก็จะรวมคดีและดำเนินการสืบสวนสอบสวนต่อไปทั้งนี้ประชาชนก็จะมีความสะดวกสบายมากขึ้นเพราะการแจ้งความออนไลน์สามารถทำได้รวดเร็ว รวมถึงอายัดบัญชีได้รวดเร็วขึ้นเพื่ออายัดธุรกรรมทางการเงินได้ทันท่วงที แต่เมื่อแจ้งความออนไลน์แล้วเวลาให้การสอบปากคำให้ข้อเท็จจริงเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะมีการประสานไปที่ตำรวจในพื้นที่ให้ช่วยดำเนินการ คนที่อยู่ต่างจังหวัดก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเดินทางมายังส่วนกลาง โดยท้องถิ่นหรือท้องที่ที่มีสน. ก็ต้องเข้ามาช่วยกัน


ทั้งนี้ คนที่แจ้งความออนไลน์สามารถแจ้งความตาม สถานีตำรวจ ในทุกพื้นที่ หากเกิดการหลอกลวง แล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะมาดำเนินคดีเพราะคดีความเหล่านี้ คนกระทำผิดจะเป็นคนเดียวกัน ดังนั้นจึงต้องนำข้อมูลจากหลายหลายคนมารวมกัน หลังจากนั้นก็จะแจ้งเตือนประชาชนและปิดกั้นเว็บไซต์ในช่องทางที่ผิดกฎหมายซึ่งการแจ้งความออนไลน์จึงจำเป็นจะต้องทำตำรวจก็สามารถที่จะติดต่อได้และเดินทางเข้าให้ข้อมูลสอบปากคำตามขั้นตอนเพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน



ภาพ TNNOnline  

ข่าวที่เกี่ยวข้อง