ส่อง TOP หลังประชุมนักวิเคราะห์ ควรไปต่อ หรือ พอก่อน?

#ทันหุ้น -บล.กรุงศรี สแกนหุ้น บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP คงคำแนะนำ Buy ต่อ TOP ที่เป้าหมายปี 68 ที่ 33.0 บาท/หุ้น แรงกดดัน overhang โครงการ CFP ลดลง หลังผู้ถือหุ้นอนุมัติการเพิ่มวงเงินลงทุน
โดยฝ่ายวิจัยมองวงเงินดังกล่าวครอบคลุมกรณีการจ้างผู้รับเหมาฯ หลักรายใหม่แล้ว เป็นโอกาสทยอยซื้อ รับการฟื้นตัวใน Q1/68-2569 และ upside การได้เงินชดเชยโครงการ CFP เพิ่มเติมในอนาคต รวมถึง upside จากข้อมูลในที่ประชุมนักวิเคราะห์การกลับมาเปิดใช้ SBM2 เร็วกว่าแผน
ด้าน บล.ดา ส่องหุ้น TOP คงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายที่ 36.00 บาท อิง 2568 PBV ที่0.47x (ประมาณ -2.25SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PBV 5 ปีย้อนหลัง) มีมุมมองเป็นกลางหลังเข้าร่วมประชุมนักวิเคราะห์ของบริษัท ซึ่งแนวโน้มยังเป็นไปตามมุมมของฝ่ายวิจัย
ทั้งนี้ TOP ได้อัพเดตถึงภาพรวมตลาดน้ำมันซึ่งมีแนวโน้มที่จะเห็นอุปทานส่วนเกินในปี 2568 ในขณะที่ภาพรวมค่าการกลั่น (GRM) มีแนวโน้มที่จะทรงตัวหรืออ่อนแอลงจากอุปทานใหม่ที่สูงขึ้นจากจีนและแอฟริกา อย่างไรก็ดี ตลาดน้ำมันเบนซิน (gasoline) มีแนวโน้มที่จะถูกกดดันจากอุปทานจากโรงกลั่นใหม่ที่สูงขึ้น สำหรับโครงการพลังงานสะอาด (CFP) TOP ได้รับคำอนุมัติจากผู้ถือหุ้นในการลงทุนเพิ่มเติมแล้ว แต่ผู้บริหารคาดว่าเห็นความชัดเจนมากขึ้นในด้านของแผนปฏิบัติการ (action plan) ภายใน Q3/68
ฝ่ายวิจัยคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2568-2569 ไว้ที่ 9.8/10.6 พันล้านบาท เทียบกับ 9.9 พันล้านบาท ในปี 2567 โดยมีสมมติฐานที่สำคัญ คือ 1) ค่าการกลั่นตลาด (market GRM) จะอยู่ในช่วง USD5.9/bbl-USD6.4/bbl จาก USD5.4/bbl ในปี 2567 2) ผลขาดทุนจากสต๊อก (stock loss (net of NRV)) จะลดลงอยู่ในช่วง 2.6-3.8 พันล้านบาท เทียบกับ 5.9 พันล้านบาทในปี 2567 3) อัตราการใช้กำลังการกลั่น (crude run) จะอยู่ที่ 303 พันบาร์เรลต่อวัน (kbd) เทียบกับ 304 kbd ในปี 2567
ราคาหุ้นปรับตัวลง 51% และ underperform SET 42% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา จากผลกระทบของการก่อสร้างโครงการ CFP ที่มีความล่าช้า ราคาปิดล่าสุดสะท้อน valuation ที่ไม่แพงที่ 2568 PBV 0.33x (ประมาณ -2.8SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PBV 5 ปีย้อนหลัง)
ทั้งนี้ แม้ฝ่ายวิจัยเชื่อว่ากำไรของบริษัทจะลดลง YoY ใน Q1/68 ตามแนวโน้มส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันและน้ำมันดิบ (crack spread) ที่อ่อนตัวและพรีเมียมน้ำมันดิบ (crude premium) ที่สูงขึ้น แต่ฝ่ายวิจัยมองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาในช่วงที่ผ่านมาได้สะท้อนปัจจัยเสี่ยงนี้ไปมากแล้ว