วอชิงตัน ดี.ซี. สั่งสวมหน้ากากอนามัยอีกครั้ง หลังยอดป่วยโควิด-19 พุ่ง
วอชิงตัน, 30 ก.ค. (ซินหัว) -- เมื่อวันพฤหัสบดี (29 ก.ค.) มูเรียล บาวเซอร์ นายกเทศมนตรีกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมืองหลวงของสหรัฐฯ ประกาศว่าประชาชนในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ต้องสวมหน้ากากอนามัยในที่ร่มอีกครั้ง ไม่ว่าจะได้รับวัคซีนแล้วหรือไม่ เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) กำลังเพิ่มขึ้นสูงทั่วประเทศ
คำสั่งฉบับใหม่ระบุว่าตั้งแต่ 05:00 น. ของวันเสาร์ (31 ก.ค.) ตามเขตเวลาตะวันออก ผู้อยู่อาศัยในวอชิงตัน ดี.ซี. ทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป ไม่ว่าจะฉีดวัคซีนแล้วหรือไม่ จะต้องสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่ในสถานที่สาธารณะในร่ม
"สิ่งต่างๆ ได้เปลี่ยนแปลงไปตลอดระยะเวลาของการระบาดใหญ่ และเราต้องปรับตัวด้วยเช่นกัน" บาวเซอร์กล่าว "ฉันคิดว่านี่คงไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับคนจำนวนมาก"
บาวเซอร์ตั้งข้อสังเกตว่าประชาชนบางส่วนในวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งบังคับใช้คำสั่งสวมหน้ากากอนามัยที่เข้มงวดที่สุดในช่วงการระบาดใหญ่ ไม่เคยไม่สวมหน้ากากอนามัยในที่ร่ม
นอกจากนี้ทางการกำลังทำงานเพื่อสร้างข้อกำหนดการฉีดวัคซีนของกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐบาลวอชิงตัน ดี.ซี.
ลาควนดรา เนสบิตต์ ผู้อำนวยการสำนักสาธารณสุขของกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ระบุว่าอัตราผู้ป่วยใหม่รายวันของวอชิงตัน ดี.ซี. เพิ่มขึ้น 5 เท่าในเดือนกรกฎาคม โดยเฉพาะผู้ป่วยเด็กอายุ 5-14 ปี และผู้ใหญ่วัยหนุ่มสาวอายุ 20-34 ปี ซึ่งผู้ป่วยใหม่จำนวนมากมีประวัติเดินทาง รับประทานอาหารนอกบ้าน และทำกิจกรรมทางสังคมเป็นกลุ่มใหญ่
ข้อบังคับสวมหน้ากากอนามัยครั้งใหม่นี้มีขึ้นหลังจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ระบุให้วอชิงตัน ดี.ซี. เป็นพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ใน "ระดับสูง" จากเดิมที่อยู่ในระดับ "ปานกลาง" พร้อมแนะนำประชาชนสวมหน้ากากอนามัยในที่ร่ม ไม่ว่าจะฉีดวัคซีนแล้วหรือไม่
ทั้งนี้ พื้นที่ที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 ระดับสูง หมายถึงตรวจพบผู้ป่วยใหม่ 50-100 รายต่อผู้อยู่อาศัย 100,000 คน ในระยะหนึ่งสัปดาห์ หรือมีรายงานอัตราผลตรวจโรคเป็นบวกอยู่ระหว่างร้อยละ 8-10
เว็บไซต์ศูนย์ฯ ระบุว่าอัตราผู้ป่วยใหม่ต่อผู้อยู่อาศัยหนึ่งแสนคน ระยะ 7 วัน ในวอชิงตัน ดี.ซี. อยู่ที่ 58.09 ราย เมื่อนับถึงวันพุธ (28 ก.ค.) และอัตราผลตรวจโรคเป็นบวก ระยะ 7 วัน อยู่ที่ร้อยละ 2.59 เมื่อนับถึงวันอังคาร (27 ก.ค.)