ไทยพร้อมแค่ไหน กับ “Agentic AI” ปัญญาประดิษฐ์ที่ตัดสินใจได้เอง | Transforming Thailand

เชื่อว่าหลายคนรู้จัก AI ที่ทุกวันนี้สามารถรวบรวมและให้ข้อมูลเหมือนกับคิดได้เอง แต่ AI ที่ “ตัดสินใจ” ได้เองนั้นต่างออกไป
และในโอกาสที่ TNN ก้าวเข้าสู่ปีที่ 18 จึงได้เปิดเวทีสัมมนาเพื่อพูดคุยหาแนวทางพัฒนาไทยในด้านต่าง ๆ รวมถึง AI เช่นกัน ปล. งานชื่อว่า “Transforming Thailand ปรับโฉมไทย สู่อนาคตและความยั่งยืน”
และหนึ่งในประเด็นสำคัญของงานนี้ก็คือ “เช็กความพร้อม ! รับมือ Agentic AI ปัญญาประดิษฐ์ที่ ‘ตัดสินใจ’ ได้เอง” โดยเชิญคนที่เชี่ยวชาญในวงการต่าง ๆ มาพูดคุยกัน
ประเด็นจากการพูดคุยเช็กความพร้อม Agentic AI ของไทย
คนที่มาร่วมคุยกันมีทั้งสาย Banking อย่าง คุณกวีวุฒิ เต็มภูวภัทร Chief Innovation Officer (CIO) ของ SCBX และยังเป็น CEO ของ SCB10X บริษัทด้านเทคโนโลยีในเครือ SCB
รวมถึงสายเทคโนโลยีโทรคมนาคม (Telco Tech) คุณนิติธรรม โกวิทกูลไกร หัวหน้าสายงานผลิตภัณฑ์และบริการ ทรู คอร์ปอเรชัน
และสายเทคอย่างด้าน Cloud computing คุณณัฐพงษ์ ช่วยบำรุง CTO Siam.AI Cloud
ทั้ง 3 คนให้ข้อมูลตรงกันว่า Agentic AI เป็น AI แบบหนึ่ง ที่ทำงานเฉพาะสาขา แต่ตัดสินใจเองได้เลยว่าต้องดำเนินการต่อข้อมูล หรืองานที่เกิดขึ้นได้ยังไง
ต่างจาก Generative AI ที่รับคำสั่งได้หลากหลายสาขา แต่ว่าตัดสินใจเองไม่ได้
ทั้ง 3 คน ย้ำบนเวทีว่า Agentic AI ไม่ใช่เรื่องใหม่ในไทย โดยคุณนิติธรรมมองว่า “เป็นการใช้กว้างแต่ผิว ๆ” คือคนไทยใช้ AI เยอะ แต่ยังใช้ไม่เต็มศักยภาพที่ AI หรือ Agentic AI ทำได้
ภาพของ Agentic AI vs GenAI ที่ดีอย่างหนึ่งมาจากคุณกวีวุฒิ โดยระบุว่า “ถ้าเราถาม GenAI จะได้วิธีการประหยัดไฟ แต่ถ้า Agentic AI แค่ถามวิธีลดค่าไฟก็พอ”
โดยสรุป Agentic AI เหนือไปกว่า GenAI ที่ไม่ใช่แค่ให้ข้อมูล แต่ตัดสินใจ ประสาน/สั่งการ หรือส่งต่อเพื่อให้เกิดการทำงานจริง ๆ ขึ้นมา
ยกตัวอย่างฝั่ง SCBX ที่นำ Agentic AI มาใช้กับงานบริการลูกค้า (Customer Service) ลดเวลาที่ลูกค้าจะต้องรอการบริการ แก้ปัญหา พร้อมเสนอการขาย
เช่นเดียวกับ True ที่สร้างโมเดล Agentic AI อย่าง “น้องมะลิ” ที่ให้บริการปรึกษา แนะนำ แก้ปัญหาลูกค้า เช่น แจ้งเน็ตบ้านเสีย นัดคิวช่างเข้าไปซ่อม หรือบอกความต้องการสมาร์ตโฟนและให้น้องมะลิแนะนำให้
ด้าน Siam.AI Cloud สร้างเป็นบริการให้คำแนะนำ อย่าง SiamGPT ที่ต่อยอดจากการเป็น GenAI ไปสู่ Agentic AI ประสานจองโรงแรม สร้างแผนทัวร์ให้ได้ ฯลฯ
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือไทยพร้อมรับกับ Agentic AI หรือแม้แต่ AI มากแค่ไหน
คุณณัฐพงษ์ มองว่า ไทยจำเป็นต้องระวังในการใช้งาน AI ในภาคการศึกษา เพราะเดิมที่มหาวิทยาลัย
ส่วนคุณกวีวุฒิ เสริมว่า AI ไม่ใช่สิ่งที่จะเป็นเรื่องของคนสายเทค แต่เป็นเรื่องที่มหาวิทยาลัยต้องสอน เพราะคนที่ใช้ AI เป็น ไม่ใช่คนที่อยู่ในสายเทค แต่อยู่ในทุกภาคส่วนของธุรกิจ
ในขณะเดียวกัน ครูและอาจารย์ จำเป็นต้องมีความรู้เท่าทันมากกว่าที่ AI ให้คำตอบ อนาคตทุกคนหาคำตอบจาก AI ได้ แต่จะต้องยกระดับครูให้เก่งกว่ามาตรฐานของ AI
ส่วนคุณนิติธรรม มองว่า AI และ Agentic AI จะกลายเป็นหนึ่งในทรัพยากรของบริษัท ยกระดับองค์กรให้ทำงานได้มากขึ้น สร้างโอกาสทำกำไรมากขึ้น ลดการจ้างงาน
แต่ทุกคนก็มองตรงกันว่านี่ก็เป็นประเด็นที่ทำให้คนที่ใช้ AI ไม่เป็นพลาดโอกาสไป
งานเสวนาเดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย กับคำถามว่า “Agentic AI คือโอกาสทองของใครบ้าง”
คุณณัฐพงษ์ มองว่า มันคือโอกาสทองของคนใช้ AI เป็น เช่นเดียวกับอีก 2 คนในงานที่เห็นตรงกัน
โดยคุณนิติธรรมและคุณกวีวุฒิเสริมว่า โอกาสยังเป็นของคนที่สามารถสร้างโครงสร้างพื้นฐาน (Data center, GPU, Internet) เพื่อทำให้ผู้ใช้เข้าถึงได้ในราคาที่ต่ำลง
โดยสรุปแล้ว ทั้ง 3 คน เห็นตรงกันว่า ไทยพร้อมในการที่จะใช้งาน Agentic AI และ AI แต่ก็มีจุดที่ต้องระวัง อย่างการศึกษา รวมถึงราคาที่ปัจจุบันยังคงสูง
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
