สำรวจเทคโนโลยีของ Omega ผู้อยู่เบื้องหลังการจับเวลาในโอลิมปิก
มหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่างโอลิมปิก 2024 ใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว สำหรับครั้งนี้จัดขึ้นที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 26 กรกฎาคม - 11 สิงหาคม 2024 หลาย ๆ คนเฝ้ารอดูเกมการแข่งขันกีฬาหลากหลายประเภท แต่ครั้งนี้จะพามาดูอีกหนึ่งสิ่งที่ถือว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญมาก ๆ ในการแข่งขัน คือ ผู้จับเวลาการแข่งขัน (Timekeeper) และในครั้งนี้ผู้จับเวลาการแข่งขันหลักก็คือผู้ผลิตนาฬิกาหรูสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์อย่างโอเมกา (Omega) ซึ่งรับหน้าที่นี้เป็นครั้งที่ 31 แล้วนับตั้งแต่ปี 1932
ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2024 โอเมกาจะทำหน้าที่จับเวลาให้กับการแข่งขันทั้งหมด 329 รายการการแข่งขัน จาก 32 กีฬา โดยจะใช้อุปกรณ์จับเวลาทั้งหมดประมาณ 350 ตัน และเจ้าหน้าที่ 550 คนในการทำหน้าที่ผู้จับเวลา และเพื่อให้ได้ความแม่นยำและยุติธรรมที่สุด อุปกรณ์จับเวลาจึงเต็มไปด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย
เทคโนโลยีเบื้องหลังผู้จับเวลา
โอเมกาก่อตั้งเมื่อปี 1848 ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และได้เข้ามามีบทบาทในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเมื่อปี 1932 ที่จัดขึ้นที่รัฐลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา โดยเป็นบริษัทเดียวที่ได้รับเลือกให้จับเวลาการแข่งขันในทุกรายการแข่งขันในปีนั้น ซึ่งโอเมกาก็ได้ส่งช่างทำนาฬิกา (Watchmaker) 1 คน พร้อมกับนาฬิกาโครโนกราฟ (Chronograph) ซึ่งเป็นนาฬิกาสำหรับจับเวลาโดยเฉพาะ และให้ความละเอียดสูง จำนวน 30 เรือนไปยังสถานที่จัดการแข่งขัน นาฬิกาเหล่านี้มีความแม่นยำมาก สามารถวัดได้ละเอียดถึงหลัก 0.1 วินาที
แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกนาฬิกาเป็นแบบระบบกลไก จนกระทั่งในปี 1948 ถือเป็นจุดเริ่มต้นของยุคสมัยแห่งอิเล็กทรอนิกส์ มีการนำเทคโนโลยีใหม่ 2 อย่างเข้ามาใช้ คือ 1. กล้องโฟโตฟินิช (Photofinish Camera) ซึ่งเป็นกล้องที่ใช้ถ่ายภาพช่วงเวลาที่นักกีฬาเข้าเส้นชัย และ 2. คือ โฟโตอิเล็กทริกเซลล์ (Photoelectric Cells) ใช้เพื่อตรวจจับช่วงเวลาที่นักกีฬาข้ามจุดใดจุดหนึ่ง และนับจากนั้นการจับเวลาการแข่งขันกีฬาก็มีความแม่นยำมากขึ้น
แล้วเทคโนโลยีอะไรที่โอเมกาจะนำมาใช้ในโอลิมปิก 2024
สำหรับในการแข่งขันโอลิมปิก ปารีส 2024 ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ จะประกอบไปด้วยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการจับเวลา 550 คน อาสาสมัคร 900 คน สกอร์บอร์ด 350 ป้าย สายเคเบิลและใยแก้วนำแสงรวมกันยาวกว่า 200 กิโลเมตร อุปกรณ์รวมกันหนักกว่า 350 ตัน ซึ่งประกอบไปด้วยปืนพกอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Pistol) ที่ยันเท้าเพื่อปล่อยตัวนักกีฬา (บล็อกสตาร์ต : Starting Block) ที่มีเซ็นเซอร์ในตัวเพื่อตรวจจับการออกตัวที่ผิดพลาด หรือตัวจับเวลาควอนตัม (Quantum Timer) ที่สามารถจับเวลาละเอียดได้ถึง 1 ในล้านวินาที แผงอุปกรณ์จับเวลาสำหรับว่ายน้ำ (Swimming Touch Pad) รวมถึงเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวและระบบกำหนดตำแหน่ง
นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีใหม่ เช่น Scan ‘O’ Vision ซึ่งเป็นเทคโนโลยี Photofinish รุ่นใหม่ที่สามารถบันทึกภาพดิจิทัลได้ 40,000 ภาพต่อวินาทีขณะเข้าเส้นชัย ซึ่งนั่นจะทำให้การตัดสินผลการแข่งขันแม่นยำและยุติธรรมอย่างมาก และยังมีเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์วิทัศน์ (Computer Vision Technology) ซึ่งเป็นการผสานระบกล้องตัวเดียวหรือหลายตัว ซึ่งกล้องแต่ละตัวจะมีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ที่ได้รับการพัฒนามาเพื่อกีฬาแต่ละชนิดโดยเฉพาะ ซึ่งทำให้ช่วยวิเคราะห์กีฬาในเชิงลึกได้
นับว่าเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองที่ขับเคลื่อนอยู่เบื้องหลังมหกรรมกีฬาครั้งนี้ หลาย ๆ คนอาจจะมองข้าม แต่นับว่าเป็นส่วนสำคัญมากทีเดียว เพราะเพียงเสี้ยววินาทีก็สามารถเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์สำคัญได้
ที่มาข้อมูล Monochrome-watches, Omegawatches
ที่มารูปภาพ Omegawatches