รีเซต

'สมชัย' ลั่นไร้สาระ ยุบสภาเป็นของขวัญ ปชช.ช่วงปีใหม่ ชี้ 'พรรคเล็ก' ตัวแปรสำคัญ

'สมชัย' ลั่นไร้สาระ ยุบสภาเป็นของขวัญ ปชช.ช่วงปีใหม่ ชี้ 'พรรคเล็ก' ตัวแปรสำคัญ
มติชน
16 มีนาคม 2565 ( 11:37 )
62

‘สมชัย’ ชี้ตัวแปรสำคัญอยู่ที่พรรคเล็ก จับตาอำนาจต่อรองช่วงซักฟอก ต่อรองผลประโยชน์ได้ก็ไม่มียุบสภา บอกยุบสภาหลังประชุมเอเปคไม่มีความหมาย เป็นเทคนิคการเมืองมากกว่า ลั่นไร้สาระบอกเป็นของขวัญปีใหม่ให้ ปชช.

 

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 16 มีนาคม ที่รัฐสภา นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ระบุกับแกนนำพรรคเล็กว่านายกรัฐมนตรีจะยุบสภาช่วงหลังการประชุมเอเปค ปี 2565 ว่า การยุบสภาเป็นอำนาจตัดสินใจของตัวนายกรัฐมนตรี และเป็นเรื่องสถานการณ์ทางการเมือง ซึ่งอยู่ในสถานการณ์ที่ว่าไม่สามารถจะบริหารราชการแผ่นดินภายใต้สภาชุดนี้ได้ หมายถึงการที่ไม่สามารถควบคุมเสียง ส.ส.ในสภาได้อีกต่อไป

 

นายสมชัยกล่าวต่อว่า ขณะนี้ตนเข้าใจว่ารัฐบาลอยู่ในขั้นพยายามประสานฝ่ายต่างๆ เพื่อให้คะแนนเสียงในฝั่งรัฐบาลมีความมั่นคง เรื่องการนัดรับประทานอาหาร ไม่ว่าจะเป็นพรรคใหญ่ พรรคกลาง หรือพรรคเล็กก็เป็นความพยายามจะรักษาคะแนนในฝั่งรัฐบาลให้มีเสถียรภาพ แต่ตัวแปรที่สำคัญอยู่ที่พรรคเล็ก เนื่องจากพรรคเล็กมีคะแนนเสียงรวมประมาณ 10-20 เสียง เป็นคะแนนที่พร้อมเปลี่ยนไปอยู่ฝั่งใดฝั่งหนึ่งได้ และหากเปลี่ยนไปฝั่งใดฝั่งหนึ่งนั่นหมายถึงชัยชนะและความพ่ายแพ้ของอีกฝั่งหนึ่ง อีกทั้งจังหวะเวลาที่พรรคเล็กมีอำนาจต่อรองสูงสุด เป็นเวลาเปิดประชุมสภาสมัยหน้าที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตนเข้าใจว่าการเจรจาต่อรองจะเกิดขึ้น และอาจจะมีการเสนอให้ทางฝ่ายรัฐบาลให้ประโยชน์อะไรต่างๆ เพื่อเป็นการตอบแทนการลงคะแนน ดังนั้น เมื่อถึงจุดนั้นหากเป็นเรื่องที่เจรจาสำเร็จสามารถประสานผลประโยชน์กันได้ การยุบสภาก็จะไม่เกิดขึ้น เพราะรัฐบาลมีเสียงสนับสนุนในสภาเพียงพอ

 

นายสมชัยกล่าวว่า ถ้าข้อเสนอดังกล่าวเป็นข้อเสนอที่ใหญ่มากและไม่อาจรับได้ก็คงเป็นจังหวะเวลาที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องตัดสินใจว่าถ้าบริหารราชการแผ่นดินต่อไปไม่ได้ จะเลือกลาออก หรือยุบสภา ซึ่งการยุบสภาน่าจะเป็นทางออกที่เหมาะสม ส่วนประเด็นที่บอกว่าจะรอหลังการประชุมเอเปคนั้น คิดว่าถ้าเอาจังหวะเวลาดังกล่าวมาพิจารณาก็ไม่มีความหมายเลย เพราะเดือนพฤศจิกายนจะเกือบจะครบวาระ 4 ปี ในเดือนมีนาคม ปี 66 ดังนั้น เหลือเวลาเพียงแค่ 4 เดือน ไม่ได้มีความหมายอะไร ซึ่งการรอให้ครบวาระกลายเป็นข้อจำกัดทางการเมืองมากกว่า เพราะเมื่อครบวาระแล้ว ส.ส.ต้องสังกัดพรรคการเมืองอย่างน้อย 90 วันก่อนวันเลือกตั้ง ทำให้การขยับตัวทางการเมืองของ ส.ส.เป็นไปด้วยความยากลำบาก

 

“การตัดสินใจยุบสภาก่อนครบวาระทำให้การนับความเป็นสมาชิกภาพของ ส.ส.ที่ต้องสังกัดพรรคการเมืองนับเพียงแค่ 30 วันก่อนการเลือกตั้ง ผมคิดว่านี่เป็นเทคนิคทางการเมืองที่ฝ่ายรัฐบาลต้องตัดสินใจยุบสภาก่อนครบวาระ เพื่อทำให้เขาเองมีโอกาสทางการเมือง พรรคการเมืองที่เป็นพรรคใหม่ต่างๆ ที่ตั้งขึ้นมามีโอกาสรองรับสมาชิกพรรคเดิมที่รู้สึกว่าไม่สามารถใช้เป็นหนทางที่จะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง

 

“การบอกว่ายุบสภาเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชนนั้นผมว่าไร้สาระ เพราะไม่ได้เป็นของขวัญ แต่เป็นเทคนิคทางการเมืองเท่านั้น เพื่อให้สามารถย้ายพรรคการเมืองได้ 90 วัน ไม่ได้เป็นเรื่องแปลกใหม่หรือน่าสนใจอะไร” นายสมชัยกล่าว

 

เมื่อถามว่า นัยยะการออกมาพูดของ พล.อ.ประวิตรครั้งนี้เป็นการหยั่งกระแสฝ่ายการเมืองว่ายังมีเวลายืดอายุรัฐบาลไปถึงปลายปีหรือไม่ นายสมชัยกล่าวว่า รัฐบาลทุกชุดปรารถนาอยู่ในตำแหน่งยาวนานที่สุด และให้ความหวังคนที่ยังอยู่ร่วมกันว่าเรายังอยู่อีกนาน ก็เป็นเรื่องการทำให้เกิดความรู้สึกว่ายังทำงานรวมกันได้ ตนคิดว่าในขณะนี้ทุกฝ่ายได้เตรียมพร้อมในการเลือกตั้งอยู่แล้ว พรรคการเมืองทุกพรรคไม่กลัวการยุบสภา มีการไปสรรหาตัวผู้สมัคร และการเตรียมตัวโครงสร้างของพรรคในระดับพื้นที่เพื่อพร้อมในการเลือกตั้ง หากสถานการณ์จำเป็นต้องยุบสภา และมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นทุกพรรคก็พร้อมเข้าสู่การเลือกตั้ง

 

เมื่อถามว่า ตอนนี้ฝ่ายค้านจับตาวาระการดำรงตำแหน่งนายกฯ มองว่าหากยุบสภาหลังการประชุมเอเปคจะเป็นการดำรงตำแหน่งเกิน 8 ปี นายสมชัยกล่าวว่า ประเด็นนี้ต้องคุยกัน และกลายเป็นประเด็นที่อาจบานปลายประเด็นหนึ่งที่ร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนถึงเดือนสิงหาคม ทั้งนี้ มองว่าการยุบสภาจะไม่เกี่ยวกับเรื่องวาระการดำรงตำแหน่ง แต่เป็นเรื่องที่นายกฯไม่สามารถบริหารราชการแผ่นดินได้ภายใต้จำนวน ส.ส.ที่มีในสภามากกว่า

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง