รีเซต

เตือน "บัญชีม้า" บน Facebook, IG ขึ้นข้อความเตือนทันทีหากตรงฐานข้อมูลบัญชีต้องสงสัยของตำรวจสอบสวนกลาง (CIB)

เตือน "บัญชีม้า" บน Facebook, IG ขึ้นข้อความเตือนทันทีหากตรงฐานข้อมูลบัญชีต้องสงสัยของตำรวจสอบสวนกลาง (CIB)
TNN ช่อง16
16 พฤษภาคม 2568 ( 13:56 )
24

เมตา (Meta, Inc.)  เผยความร่วมมือกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ในการนำร่องเทคโนโลยีตรวจจับบัญชีม้า และอำนวยความสะดวกให้สามารถรายงานกิจกรรมที่น่าสงสัยบนแพลตฟอร์มได้ พร้อมแถลงความร่วมมือเพื่อยกระดับและลดการก่ออาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ "ปกป้องประชาชนและธุรกิจจากภัยลวง" งานแถลงข่าวของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับ Meta และพันธมิตร เมื่อ 16 พฤษภาคม โดยมีพล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้เกียรติเปิดงาน

เทคโนโลยีนำร่องตรวจจับบัญชีม้าในไทย

Meta เปิดเผยว่าได้พัฒนาเครื่องมือต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ใช้รักษาความปลอดภัยของบัญชีได้ง่ายขึ้น เช่น การยืนยันตัวตนสองขั้นตอน การแจ้งเตือนการเข้าสู่ระบบ และฟีเจอร์ Security Checkup สำหรับการอัปเดตการตั้งค่าความปลอดภัย ใช้เทคโนโลยีการจดจำใบหน้า เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้หลอกลวงใช้ภาพของบุคคลสาธารณะในโฆษณา ช่วยให้ผู้ใช้สามารถกู้คืนบัญชีที่ถูกแฮ็ก ไปจนถึงตรวจจับและลบบัญชีปลอมได้ 

อีกทั้งยังมีฟีเจอร์การสื่อสารอื่น ๆ เช่น Safer Message Requests บน Instagram ซึ่งกำหนดให้ผู้ใช้ต้องส่งคำเชิญให้กับผู้ใช้อีกรายที่ไม่ได้เป็นเพื่อนกันมาก่อน จึงจะสามารถส่งข้อความถึงกันได้ โดยจำกัดการสื่อสารครั้งแรกให้แชทได้เพียงข้อความเดียว และยังแจ้งเตือนผู้ใช้อย่างจริงจังให้มีความระมัดระวังเมื่อมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนที่ไม่รู้จักบน Instagram, Messenger และ WhatsApp

สำหรับภาคธุรกิจ Meta ได้พัฒนาเครื่องมือการรายงานบัญชีที่อาจมีความน่าสงสัยเพิ่มเติมเพื่อแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการฉ้อโกงและการหลอกลวงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งการปลอมแปลงตัวตนและการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เครื่องมือเหล่านี้รวมไปถึง Brand Rights Protection เพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถค้นหาและตรวจสอบเนื้อหาที่อาจละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาได้อย่างรวดเร็วและไม่ให้ผู้ประสงค์ร้ายนำทรัพย์สินทางปัญญาไปใช้ในทางที่ละเมิด

ทั้งนี้ ภายในงานได้แถลงความร่วมมือครั้งแรกของ Meta กับ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เพื่อพัฒนาระบบแจ้งเตือนบัญชีม้าในการสนทนา "โครงการนี้เป็นโครงการนำร่องเฉพาะในประเทศไทย ซึ่งจะทำงานเมื่อผู้ขายแนบข้อมูลบัญชีในการสนทนา หากตรวจพบบัญชีต้องสงสัย หรือบัญชีม้าในข้อความ Messenger หรือ Instagram ก็จะแจ้งเตือนเป็นข้อความพร้อมด้วยลิงก์ข้อมูลแจ้งเตือนของตำรวจสอบสวนกลาง" ยิ่งยศ ลีชัยอนันต์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายสาธารณะจาก Facebook (ประเทศไทย) ให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนหลังจบการแถลงข่าว

ภาพรวมความปลอดภัยและการจัดการปัญหาภัยออนไลน์ของ Meta

ในงานแถลงข่าว Meta ให้ความสำคัญเป็นหลักในทำงานเพื่อลดผลกระทบจากภัยออนไลน์ ผ่าน 4 หลักการ ได้แก่

  1. ยกระดับการป้องกันภัยบนแพลตฟอร์ม: ปกป้องแพลตฟอร์มจากภัยลวงออนไลน์
  2. ขัดขวางผู้กระทำผิด: เพิ่มขั้นตอนที่มีความยุ่งยากและค่าใช้จ่ายเพื่อไม่ให้มิจฉาชีพหลอกลวงผู้ใช้งานได้ง่าย
  3. ผนึกความร่วมมือ: ร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยี ธนาคาร และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย 
  4. มอบการดูแลความปลอดภัยให้ผู้ใช้งาน: ส่งมอบเครื่องมือ การควบคุมความปลอดภัยของตนเอง และให้ความรู้เพื่อป้องกันการฉ้อโกง

ตั้งแต่ต้นปี 2024 ที่ผ่านมา Meta ได้ตรวจพบและลบบัญชีที่มีความเกี่ยวข้องกับศูนย์รวมแก๊งมิจฉาชีพในเมียนมาร์ ลาว กัมพูชา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และฟิลิปปินส์ ไปแล้วเป็นจำนวนกว่า 2 ล้านบัญชี มุ่งเป้าไปที่องค์กรอาชญากรรมที่อยู่เบื้องหลังแผนการที่พยายามหลอกลวงบุคคลผ่านแอปต่าง ๆ ใช้บุคลากรราว 40,000 คน ที่ทำงานเกี่ยวกับปัญหาความปลอดภัยและความมั่นคงทั่วโลก โดยมีการลงทุนกว่า 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 1 ล้านล้านบาท ในการพัฒนาทีมงานและเทคโนโลยีความปลอดภัย

ยิ่งยศ ลีชัยอนันต์ กล่าวว่า เทคโนโลยีการตรวจจับด้วย AI ของเราเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการต่อสู้กับบัญชีปลอมและการหลอกลวง เราได้สกัดกั้นความพยายามในการสร้างบัญชีปลอมรวมไปถึงตรวจจับและนำบัญชีปลอมลงได้กว่าหลายล้านบัญชีในแต่ละวัน ภายในไม่กี่นาทีหลังจากมิจฉาชีพสร้างบัญชีเหล่านั้นขึ้น ในไตรมาสที่ 4 ปี 2024 เราได้ดำเนินการกับบัญชีปลอมถึง 1,400 ล้านบัญชี โดย 99.9% ถูกลบก่อนจะมีการรายงานเข้ามา  ระบบอัตโนมัติของเราทำงานตลอดเวลาเพื่อตรวจจับและลบบัญชีปลอม สแปม และโพสต์หลอกลวงในปีที่ผ่านมา เรายังได้ลบบัญชีกว่า 408,000 บัญชีที่เชื่อมโยงกับการหลอกให้หลงรัก (Romance Scam) รวมถึงลบเพจและบัญชีที่มีส่วนร่วมในการฉ้อโกงกว่า 116,000 รายการ"

นอกจากนี้ Meta ได้นำข้อกำหนดใหม่มาใช้ โดยให้ผู้ลงโฆษณารายใหม่ ต้องยืนยันหมายเลขโทรศัพท์ที่เชื่อมกับบัญชีโฆษณาก่อนที่จะมีการเผยแพร่โฆษณาใด ๆ  เพื่อปกป้องชุมชนจากการหลอกลวงที่อาจเกิดขึ้น ผู้โฆษณาใหม่ในกรณีนี้หมายถึงผู้ที่ยังไม่มีบัญชีโฆษณา เป็นบัญชีที่มีอายุน้อยกว่า 90 วันและไม่มีการใช้งบประมาณการลงโฆษณา และไม่ได้เชื่อมโยงกับบัญชีธุรกิจที่ได้รับการจัดการหรือยืนยันก่อนหน้านี้

ภาพรวมปัญหาภัยออนไลน์ในมุมตำรวจไทย

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ให้ข้อมูลภายในงานว่า ตั้งแต่ 1 มกราคม - 30 เมษายนปีนี้ มูลค่าความเสียหายจากปัญหาอาชญากรรมการหลอกลวงออนไลน์อยู่ที่ 7,600 ล้านบาท โดยแผนประทุษกรรมที่มีจำนวนผู้เสียหายเยอะลำดับหนึ่งคือ การซื้อขายสินค้าและบริการผ่านโลกออนไลน์และแพลตฟอร์มต่าง ๆ “ปัญหาอาชญากรรม การหลอกลวงออนไลน์เป็นปัญหาระดับโลก ไม่ใช่แค่ในประเทศไทย อีกทั้งกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่ตั้งฐานปฏิบัติการตามชายแดนในเขตเศรษฐกิจพิเศษที่การบังคับใช้กฎหมายปกติเป็นไปได้ยากเพื่อพุ่งเป้าหลอกเหยื่อทั่วโลก" พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวเสริม

ด้าน พ.ต.ต. ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ หรือ “สารวัตรแจ๊ะ” จากกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (IDMB) ผู้เข้าร่วมเสวนาได้กล่าวเสริมว่า “ปัญหามิจฉาชีพออนไลน์ โดยเฉพาะวิวัฒนาการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเหมือนกับว่าแทบจะเป็นธุรกิจเฟรนไชน์ประเภทหนึ่งไปแล้ว ต้นตอของปัญหานี้ก็มีหลายอย่างเกี่ยวพันกันเป็นทอด ๆ การแก้ปัญหาเหล่านี้ไม่ใช่จับได้ครั้งสองครั้งแล้วจะจบ มันเป็นเหมือนสงครามที่ต้องต่อสู้กับมันในทุกมิติ สิ่งสำคัญ ผมมองว่าคือ “ความร่วมมือ” ในทุกภาคส่วน สิ่งที่เป็นรูปธรรม คือ กลุ่มหางานที่หลอกคนไปทำงานที่คอลเซ็นเตอร์ ถูกสืบสวนและเอาลงทั้งเครือข่าย ทำให้เกิดความคืบหน้าในการทำงานและสกัดกั้นกลุ่มอาชญากรรมเหล่านี้ได้มากขึ้น รวมถึงการเปลี่ยนแปลงในระดับนโยบายที่เข้มงวดมากขึ้นด้วยครับ” 

ยกระดับความปลอดภัยระหว่าง Meta และพันธมิตร

ในปี 2025 Meta ได้ร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทย (ก.ล.ต.) เพื่อจัดการฝึกอบรมร่วมเกี่ยวกับเครื่องมือปกป้องสิทธิ์แบรนด์ของ Meta เพื่อให้ความรู้แก่ผู้ประกอบธุรกิจ รวมถึงหน่วยงานในตลาดทุนและตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งมีผู้เข้าร่วมกว่า 200 คน โดยมุ่งเน้นการเสริมสร้างการปกป้องธุรกิจและทรัพย์สินแบรนด์เพื่อปกป้องแบรนด์จากการแอบอ้างโดยมิจฉาชีพ

นายมีธรรม ณ ระนอง รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) กล่าวภายในงานว่า “ETDA เดินหน้าพัฒนาการดำเนินงานในหลายมิติ ตั้งแต่การกำกับดูแลแพลตฟอร์มดิจิทัล การรับแจ้งเรื่อง ส่งต่อเรื่องร้องเรียน และการสร้างความตระหนักรู้ เพื่อให้คนไทยรู้เท่าทัน รับมือเป็น การทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาสังคม เสริมเกราะป้องกันภัยออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการส่งต่อเรื่องร้องเรียนร่วมกันผ่านศูนย์ช่วยเหลือและจัดการปัญหาออนไลน์ (1212 ETDA) เพื่อแก้ไขปัญหาภัยออนไลน์ให้ครอบคลุมมากสุด รวมถึงมุ่งเน้นการสร้างภูมิคุ้มกันให้คนไทยรู้ทันปัญหาออนไลน์  ร่วมลงพื้นที่ถ่ายทอดความรู้ในทุกมิติแก่ประชาชนมาแล้วกว่า 42 จังหวัดทั่วประเทศ"

นอกจากนี้ Meta ยังได้เปิดตัวแคมเปญต่อต้านการหลอกลวง 'Legit or Leg It' ใน 7 ประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยร่วมมือกับพันธมิตรในประเทศ รวมถึงกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ ETDA ในประเทศไทย แคมเปญนี้ประกอบด้วยสื่อออนไลน์ที่จัดทำร่วมกับหน่วยงานภาครัฐในประเทศไทย และครีเอเตอร์ชาวไทยเพื่อให้ความรู้แก่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับการหลอกลวงออนไลน์ทั่วไป รวมถึงวิธีการตรวจจับมิจฉาชีพออนไลน์ แคมเปญนี้ประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยมีการเข้าถึง (Reach) ทั้งหมด 224 ล้านครั้งทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยครีเอเตอร์ชาวไทยมีส่วนสร้างการเข้าถึงในแคมเปญนี้กว่า 18.3 ล้านครั้ง

นางสาวอาชินี ปัทมะสุคนธ์ ผู้ช่วยเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า “ก.ล.ต. ได้ดำเนินการเชิงรุกในการส่งเสริมความรู้เท่าทันภัยการลงทุนผ่านความร่วมมือกับภาคีทั้งภาครัฐและ เอกชน ให้ความสำคัญกับการบูรณาการข้อมูลเชิงลึกจากภาคเอกชนเพื่อใช้ในการเฝ้าระวังภัยการลงทุน การส่งเสริมการ ใช้เทคโนโลยีเพื่อคัดกรองข้อมูลที่อาจก่อให้เกิดความเสียหาย รวมถึงการสนับสนุนให้ประชาชนสามารถตัดสินใจด้านการลงทุนด้วยความรอบครอบและปลอดภัยยิ่งขึ้น"

ข่าวที่เกี่ยวข้อง