คอลัมน์ People In Focus: จิล ไบเดน ว่าที่สตรีหมายเลขหนึ่งสหรัฐ
จิล ไบเดน ภรรยาของโจ ไบเดน ตัวแทนพรรคเดโมแครต ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ได้รับการคาดหมายว่าจะมีโอกาสสูงที่จะได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสตรีหมายเลข 1 สหรัฐหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพฤศจิกายนนี้
จิล ในวัย 69 ปีได้รับการกล่าวขานถึงในฐานะภรรยาผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ไบเดน สามีวัย 77 ปีก้าวผ่านช่วงเวลาสำคัญของชีวิต ทั้งความสำเร็จ ความพ่ายแพ้ และความสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตมาได้
เพื่อนๆและอดีตผู้ช่วยพูดถึงจิลล์ ตรงกันว่าเธอเป็นคนขี้เล่น เคยเซอร์ไพรส์งานวันเกิดอดีตผู้ช่วยด้วยการปลอมตัวเป็นพนักงานเสิร์ฟ และเคยแต่งตัวเป็นตัวการ์ตูนชื่อดังในงานปาร์ตี้วันคริสต์มาสกับเพื่อนร่วมงาน
จิลมักสร้างรอยยิ้มเสียงหัวเราะให้คนรอบข้างได้เสมอโดยเฉพาะกับสามี อดีตรองประธานาธิบดีในยุคประธานาธิบดีบารัค โอบามา และหลายคนเชื่อว่าความอบอุ่นในตัวเธอจะช่วยให้ชาวอเมริกันเผชิญหน้ากับช่วงเวลาที่ยากลำบากในเวลานี้ได้
จิล แต่งงานกับไบเดน เมื่อปี 1977 4 ปีหลังจากไบเดน ต้องสูญเสียภรรยา และลูกสาวคนเล็กไปในอุบัติเหตุทางรถยนต์ก่อนหน้านั้น
จิล ช่วยไบเดน ดูแลลูกชายที่รอดชีวิตของไบเดน 2 คนอย่างโบ และ ฮันเตอร์ และให้กำเนิดลูกสาวให้กับไบเดนอย่าง แอชลีย์ ในปี 1981
ช่วงเวลาที่ไบเดน ย้ายจากเดลาแวร์ บ้านเกิดมายังวอชิงตัน เพื่อนั่งเป็นสมาชิกวุฒิสภา จิล เองก็เริ่มงานเป็นครู ก่อนที่จะคว้าปริญญาโท 2 ใบ และปริญญาเอกอีก 1 ใบในสาขาศึกษาศาสตร์จาก มหาวิทยาลัยเดลาแวร์ในปี 2007
ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา จิล ก็ได้กลายเป็นที่ปรึกษาคนสำคัญสำหรับไบเดน มีส่วนในการคิดตัดสินใจเรื่องสำคัญๆทั้งด้านการเมืองและเรื่องส่วนตัวมาโดยตลอด
โดยจิล ระบุไว้ในหนังสือบันทึกความทรงจำว่าเธอกังขากับการร่วมลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของไบเดน เมื่อปี 1988 แต่เธอเองก็เป็นผู้ผลักดันให้ไบเดน ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้งในปี 2008 ที่ผ่านมาซึ่งแม้จะไม่ประสบความสำเร็จแต่ไบเดนก็ได้รับความไว้วางใจจากบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐให้เป็นรองประธานาธิบดีทั้ง 2 สมัย
และในปีนี้ที่ไบเดน กลายเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต มีโอกาสก้าวถึงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐมากที่สุด จิล ก็มีส่วนสำคัญในการร่วมคัดเลือก รันนิ่งเมท รองประธานาธิบดีของไบเดน และปรากฏตัวในการหาเสียง และงานระดมทุนของไบเดนหลายต่อหลายครั้ง
ตลอดช่วงระยะเวลาการทำงานเคียงข้างไบเดน โดยเฉพาะในฐานะภรรยาของรองประธานาธิบดีเป็นเวลา 8 ปี จิลล์ ก็ยังคงมีชีวิตเป็นของตัวเอง ยังคงเลี้ยงลูก ไม่ทิ้งงานสอนซึ่ง จิลล์ มองว่าเป็นการพักผ่อนจากความเครียดทางการเมืองด้วยการสร้างสายสัมพันธ์แบบครอบครัวในห้องเรียนอีกทางหนึ่ง
“การเป็นครูไม่ใช่สิ่งที่ฉันทำแต่มันคือตัวตนของฉัน” จิลล์ ระบุ และยืนยันว่า เธอจะยังคงทำงานสอนต่อไปหากต้องก้าวสู่ตำแหน่งสตรีหมายเลข 1 ของสหรัฐ
ผู้ช่วยใกล้ชิดระบุว่างานที่จิลล์จะทำหากได้กลับสู่ทำเนียบขาวในฐานะสตรีหมายเลข 1 จะยังคงเหมือนกับสิ่งที่เธอเคยทำในฐานะภรรยารองประธานาธิบดีสหรัฐ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคู่ครองและครอบครัวของทหาร สถานศึกษาในชุมชน รวมถึงการรณรงค์เรื่องการป้องกันมะเร็งเต้านมเป็นต้น