'สราวุธ'เผยศาลหลายแห่งเริ่มใช้เทคโนโลยีลดคนมาศาล กันโควิดระบาด
“สราวุธ”เผยศาลหลายที่เริ่มใช้เทคโนโลยีลดมาศาล ป้องกันระบาดโควิด ชื่นชมศาลพัทยานำร่องออกใบรับรองให้บุคลากรทำงานได้ อีก13 จว.ล็อกดาวน์เมือง ศาลจัดตามพัทยา
เมื่อวันที่ 9 เมษายน นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ได้เปิดเผยว่าตามมาตรการ ของผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ที่ได้ออกประกาศ ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน มีคำสั่งห้ามบุคคลเข้าออก เขตพื้นที่เมืองพัทยา (ล็อกดาวน์)ยกเว้น ผู้ที่อาศัยหรือ เป็นข้าราชการ ให้แสดงบัตรหรือหนังสือรับรองของต้นสังกัดในเขตพื้นที่เมืองพัทยานั้นได้รับรายงานจากนางชนากานต์ นุชโอภาส ผู้อำนวยการสำนักงานประจำศาลแขวงพัทยา ว่าเรื่องนี้ นายณรงค์ทัต แจ่มจรรยา ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแขวงพัทยาผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแขวงพัทยา ได้ออกหนังสือรับรองให้กับผู้พิพากษาที่สังกัดศาลเเขวงพัทยา ส่วนบุคลากร ทางนางชนากานต์ได้ออกหนังสือรับรอง ให้กับบุคลากรและลูกจ้างที่ทำงานในสำนักงานประจำศาลแขวงพัทยาเพื่อที่จะได้ปฏิบัติหน้าที่บริการอำนวยความยุติธรรมได้
เเม้ในช่วงโรคระบาด นับเป็นตัวอย่างที่ดีของการให้บริการประชาชน ตนจึงขอชื่นชมศาลเเขวงพัทยาซึ่งได้รายงานมาเป็นศาลเเรก ในช่วงวิกฤตโรคระบาดไวรัสโควิด-19 นี้ เพราะศาลยังไม่ปิดยังต้องทำงานต่อ เนื่องจากคดียังมีผู้ที่ต้องถูกนำมาฝากขังหรือถูกคุมขังในเรือนจำอยู่ ตุลาการก็ยังต้องมาทำงาน เพราะงานบางอย่างหยุดไม่ได้
ซึ่งอีกไม่นานศาลในจังหวัดพื้นที่ที่ถูกล็อกดาวน์ซึ่งตอนนี้มีเเจ้งมา13 จังหวัดก็จะมีการออกใบรับรองบุคลากร เพื่อที่จะได้ไม่เป็นอุปสรรคในการทำงานอำนวยความยุติธรรมให้ประชาชน นอกจากนี้ยังทราบเพิ่มเติมว่าทางศาลจังหวัดพัทยา ได้ออกหนังสือรับรองการเดินทางให้ผู้พิพากษา ข้าราชการศาล พนักงานราชการ ลูกจ้าง เจ้าพนักงานรักษาความปลอดภัย แม่บ้าน คนสวน เพื่ออำนวยความสะดวกในการตรวจสอบการเดินทางเข้า-ออกเมืองพัทยา พร้อมกันนี้ยังได้ประชุมกับสภาทนายความพัทยา เพื่อให้ฟ้องคดีทางระบบ e-filling รับชำระเงินทาง internet banking เพื่อลดการมาศาล นำเทคโนโลยีมาใช้
นายสราวุธยังกล่าวว่า ภายหลังที่ได้ออกเเนวทางปฏิบัติผ่านสำนักส่งเสริมงานตุลาการ เรื่องการสอบถามผู้ต้องหาหรือไต่สวนพยานหลักฐานในการออกหมายขัง ผู้ต้องหาครั้งแรกผ่านระบบการประชุมทางจอภาพหรือสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศอื่น ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโควิด-19
วันนี้ตนยังได้รับรายงานจากศาลจังหวัดเชียงใหม่ถึงการใช้ วิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังเรือนจำทั้งหมด ทำให้ห้องควบคุมที่ศาลจังหวัดเขียงใหม่ ไม่มีผู้ต้องขัง จึงใช้โอกาสนี้ในการทำความสะอาดห้องควบคุมครั้งใหญ่เพื่อให้มีความสะอาด ปลอดเชื้อโรค รวมทั้งมีจุดล้างมือและแอลกอฮอลล์เจลไว้บริการก่อนผ่านเข้าห้องควบคุม โดยหากมีการอ่านคำพิพากษาของศาลสูงก็ให้จำเลยที่ได้รับการปล่อยชั่วคราวรอฟังในห้องควบคุม แล้วอ่านพร้อมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังเรือนจำ โดยจะเน้นการใช้ห้องพิจารณาให้น้อยที่สุดช่วยป้องกันการแพร่ระบาด
ส่วนทางด้านศาลจังหวัดหัวหิน ก็ได้รายงานเข้ามาถึงเเนวทางปฏิบัติว่าในช่วงแรก เรื่องการฝากขังหากทาง สภ.เเละพนักงานสอบสวนมีความพร้อมให้ควบคุมตัวไว้ที่ สภ. โดยจะใช้วิธีส่งแบบพิมพ์คำร้องขอประกันไว้ล่วงหน้าโดยยื่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์เเละใช้วิธีสอบถามผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่นวีดีโอคอลไลน์ โปรแกรมประชุมภาพและเสียงส่วนคดีที่ตัดสินให้ต้องชำระค่าปรับให้ชำระค่าปรับผ่านระบบเน็ตแบงค์กิ้ง หรือทางอิเล็กทรอนิกส์ ได้เลย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับเเนวทางปฏิบัติเรื่องการสอบถามผู้ต้องหาหรือไต่สวนพยานหลักฐานในการออกหมายขัง ผู้ต้องหาครั้งแรกผ่านระบบการประชุมทางจอภาพหรือสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศอื่น ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่นายสราวุธ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ได้ออกเมื่อวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมาเป็นวิธีการปฏิบัติในทางธุรการเกี่ยวกับการสอบถามผู้ต้องหา หรือทำการไต่สวนพยานหลักฐานในการออกหมายขังผู้ต้องหาในลักษณะการประชุมทางจอภาพ หรือสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศอื่นเพื่อลดการส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในสุขอนามัยของประชาชนและเจ้าพนักงาน โดยลดการเดินทางมาศาล และลดจำนวนผู้ต้องขังในเรือนจำที่แออัด เพื่อลดความเสี่ยงต่อการ แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสดังโดยอาศัยเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ผัดฟ้อง-ฝากขัง ตัวผตห.ครั้งเเรกไม่ต้องมาศาล รับคำร้อง-ไต่สวนผ่านจอภาพจาก สน.หรือ สภ.ได้เลยถ้าสั่งขังให้ ตร.นำส่งเรือนจำเลย เเต่ก็ยังกำชับในการเข้าถึงสิทธิในการประกันตัวโดยใช้คำร้องใบเดียวได้อยู่