นายกฯ เตรียมส่งตรวจก่อนส่งออก ยันไม่ขายถ้าเจอสารปนเปื้อน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสคัดค้านการนำข้าวในโครงการรับจำนำข้าว ที่เก็บค้างไว้ 10 ปีในโกดัง จ.สุรินทร์ ไปขายให้ต่างชาติ เพราะกังวลต่อผลกระทบชื่อเสียงข้าวไทย โดยยืนยันว่าก่อนการนำข้าวออกไปขาย จะต้องมีการตรวจสอบให้ชัดเจนก่อนว่าข้อเท็จจริงคืออะไร ยืนยันว่ารัฐบาลคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก ซึ่งหากตรวจสอบแล้วมีปัญหา ก็เชื่อว่านายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ จะไม่นำไปขาย ส่วนกรณีที่ระบุว่า ข้าวที่เก็บไว้ 3 ปี ถือว่าเป็นข้าวเน่า ตนมองว่าไม่เป็นความจริง ขึ้นอยู่กับการเก็บและกรรมวิธีหลายๆ อย่าง / พร้อมระบุว่า การตรวจสอบจะเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เชื่อถือได้ แทนการตรวจสอบของหน่วยงานภาครัฐ ที่อาจเกิดความไม่เชื่อใจ ขณะเดียวกัน บอกว่า ตนเองได้รับประทานข้าวค้างโกดังนี้แล้ว แต่อย่าให้บอกว่าทานแล้วเป็นอย่างไร ขอให้รอผลพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ดีกว่า
โฆษกรัฐบาล ยันข้าว 10ปี ไม่ใช่ข้าวเน่า
ด้าน นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีที่สมาพันธ์ชาวนาแห่งประเทศไทยออกมาระบุว่า ข้าวที่เก็บไว้เกิน 3 ปี ถือเป็นข้าวเน่า โดยยอมรับว่า ข้าวสารที่เก็บไว้นาน คุณภาพย่อมเสื่อมไป แต่ไม่ใช่ข้าวเน่าอย่างแน่นอน เพราะผลวิจัยและการตรวจสอบคุณภาพข้าวในโครงการรับจำนำปี 2548 ถึง 2549 ซึ่งเป็นข้าวสารอายุ 3 ปี 4 เดือน พบว่ามีความเสื่อมคุณภาพร้อยละ 2.71 และเสื่อมปริมาณน้ำหนักหายไปร้อยละ 0.72 พร้อมยืนยันว่าข้าวที่ค้างสต๊อกเกินกว่า 10 ปี ไม่ใช่เพิ่งมีครั้งแรก และประชากรกว่า 7 พันล้านคนในโลก ก็มีผู้ที่กินข้าวเก่าแบบนี้กันจำนวนมาก ดังนั้นผู้ที่ออกมาพูดว่าข้าว 3 ปีเป็นข้าวเน่า ถือเป็นวาทกรรมมุ่งที่จะด้อยค่าข้าวไทย
ขณะเดียวกัน โฆษกรัฐบาล ไม่มั่นใจว่า ข้าวที่นักวิชาการและสื่อมวลชนนำไปตรวจสอบ และบอกว่าพบสารก่อมะเร็งนั้น เป็นข้าวที่ได้จากโกดังจังหวัดสุรินทร์จริงหรือไม่ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า การออกมาคัดค้านการประมูลข้าวจากคนบางกลุ่ม เพราะไม่ต้องการให้การระบายข้าวของรัฐบาลทำได้สำเร็จ เพื่อหวังผลทางการเมือง ขณะเดียวกันปฏิเสธที่จะสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประมูลข้าว ด้วยการนำข้าว 10ปี มาหุงให้คณะรัฐมนตรีรับประทาน