ปภ. ถกด่วนปรับหลักเกณฑ์ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติแผ่นดินไหว

วันนี้ (7 เม.ย. 68) นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นประธานการประชุมหารือการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 เพื่อพิจารณากำหนดแนวทางและหลักเกณฑ์ในการเยียวยาผู้ประสบภัยกรณีแผ่นดินไหวให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับความจำเป็นมากยิ่งขึ้น โดยมีผู้แทนกรมบัญชีกลาง สำนักงบประมาณ และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เข้าร่วมการหารือ ณ ห้องประชุม 3 ชั้น 3 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีแผ่นดินไหวที่ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดความเสียหายในพื้นที่ 18 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งข้อมูลศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย ปภ. ณ วันที่ 7 เมษายน 2568 เวลา 06.00 น. มีรายงานผู้เสียชีวิต 23 ราย และบาดเจ็บ 36 ราย ถือเป็นเหตุการณ์สาธารณภัยที่ส่งผลกระทบต่อผู้คนจำนวนมาก
รัฐบาลมีความห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวในครั้งนี้และได้ให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ได้รับผลกระทบ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในฐานะหน่วยงานกลางของรัฐในการบูรณาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของประเทศ กำหนดแนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยกรณีแผ่นดินไหวให้มีความเหมาะสมและจำเป็นเพียงพอต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น
ซึ่งตามหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติฯ จังหวัดที่ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินจะใช้เงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินในอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดวงเงิน 20 ล้านบาท และในส่วนของกรุงเทพมหานคร จะอยู่ในอำนาจของอธิบดี ปภ. โดยค่าใช้จ่ายให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และอัตราที่กระทรวงการคลังกำหนด หากมีความจำเป็นต้องจ่ายนอกเหนือหลักเกณฑ์ต้องได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังก่อน วันนี้ ปภ.จึงได้จัดการประชุมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันกำหนดแนวทางและหลักเกณฑ์ในการเยียวยาผู้ประสบภัยให้มีความเหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์ เพียงพอต่อความจำเป็นของผู้ประสบภัย รวมถึงถูกต้องตามขั้นตอน เป็นไปตามระเบียบและกฎหมาย
“การหารือร่วมกับกรมบัญชีกลาง สำนักงบประมาณ และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติในวันนี้ เป็นการหารือในเชิงหลักการเพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยมีความเหมาะสมและเพียงพอต่อลักษณะของภัยและผลกระทบที่เกิดขึ้น โดยตามหลักเกณฑ์ฯ ปกตินั้น กรณีผู้เสียชีวิตจะจ่ายเงินค่าจัดการศพรายละไม่เกิน 29,700 บาท และหากผู้ที่เสียชีวิตเป็นหัวหน้าครอบครัวหรือเป็นผู้หารายได้เลี้ยงดูครอบครัว จะจ่ายเพิ่มอีกไม่เกิน 29,700 บาท โดยวันนี้ได้หารือร่วมกันกำหนดแนวทางปฏิบัตินอกหลักเกณฑ์และจ่ายเป็นค่าจัดการศพผู้เสียชีวิตในลักษณะเหมาจ่าย รายละ 100,000 บาท ในกรณีของผู้ได้รับบาดเจ็บจนถึงขั้นพิการ ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติจ่ายเงินช่วยเหลือในลักษณะเหมาจ่ายรายละ 100,000 บาท
รวมทั้งกำหนดแนวทางการจ่ายเงินช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้นเท่าที่จ่ายจริงในส่วนที่เบิกไม่ได้ตามสิทธิของผู้ประสบภัยตามอัตราที่ทางราชการกำหนด เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชนที่ผู้ประสบภัยทุกคนไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างชาติ เป็นแรงงานที่เข้าเมืองมาอย่างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ก็ตาม จะได้รับความช่วยเหลืออย่างทั่วถึง
นอกจากนี้ ปภ.จะเสนอขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยกรณีแผ่นดินไหว เพิ่มเติมจากหลักเกณฑ์การจ่ายเงินทดรองราชการฯ เพื่อเป็นเงินเยียวยาให้แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต ค่าเยียวยากรณีบาดเจ็บจนถึงขั้นพิการ และค่าเยียวยากรณีบาดเจ็บสาหัส โดยเทียบเคียงจากอัตราการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งในส่วนของอัตราการจ่ายเงินเยียวยาโดยใช้งบกลางนั้น จะต้องให้สำนักงบประมาณเป็นผู้พิจารณาความเหมาะสมอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะได้เร่งประสานจังหวัดและกรุงเทพมหานครในการสำรวจและรวบรวมข้อมูลความเสียหาย และดำเนินการตามขั้นตอนตามที่ระเบียบกำหนดโดยเร่งด่วน เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย และสามารถจ่ายเงินช่วยเหลือให้แก่ผู้ประสบภัยโดยเร็วที่สุด กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยขอให้ประชาชนมั่นใจว่าจะปฏิบัติงานอย่างเต็มกำลังเพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทั่วถึง และครอบคลุมในทุกมิติ