ผู้ถูกกักตัว 13 รายที่หลบหนีจาก รพ.สนามนราฯ ถูกควบคุมตัวได้หมดแล้ว
เมื่อวันที่ 25 เมษายน รายงานข่าวความคืบหน้าหน้าที่กรณีผู้มีความเสี่ยงสูงที่ถูกกักตัว จำนวน 13 คน อยู่ที่ศูนย์ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้เสพยาเสพติด จ.นราธิวาส ที่ได้ดัดแปลงเป็นโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 ซึ่งตั้งอยู่ภายในกองร้อยอาสารักษาดินแดน จ.นราธิวาส ต.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส ได้หลบหนีออกมาในช่วงคืนของวันที่ 24 เม.ย. 64 นั้น
ล่าสุดหลังจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจและอาสารักษาดินแดน ได้กระจายกำลังกันค้นหาเกือบตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวได้หมดแล้วทั้ง 13 คน โดยได้นำตัวไปกักตัวที่เดิม และได้มีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทำการสอบสวนในทางลับกับผู้หลบหนีทั้ง 13 คน ถึงมูลเหตุและที่มาที่ไปในการหลบหนีในครั้งนี้ ด้วยการขุดดินใต้ฐานกำแพงของกองร้อยอาสารักษาดินแดน ซึ่งตั้งอยู่ข้างกำแพงด้านขวามือของกองร้อยฯ ซึ่งห่างจากถนนใหญ่หน้าที่ตั้งกองร้อยอาสารักษาดินแดน ประมาณ 150 เมตร ซึ่งมีขนาดช่องโหว่พอเหมาะกับการเล็ดรอดออกมา ที่มีการขุดคูน้ำไว้โดยรอบ แถมยังมีลวดหีบเพลงขึงไว้ด้านนอกอีกชั้นหนึ่ง
แต่ถึงอย่างไรก็ตามการสอบสวนในทางลับของเจ้าหน้าที่ไม่ได้มีการเปิดเผย แต่เจ้าหน้าที่ได้นำข้อมูลที่ได้ วางมาตรการป้องกันการหลบหนีซ้ำที่อาจจะเกิดขึ้นได้
โดยแหล่งข่าวรายหนึ่ง เปิดเผยว่า การหลบหนีของผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทั้ง 13 คน ที่เจ้าหน้าที่ได้นำตัวมากักไว้สถานที่ดังกล่าว ซึ่งได้พ้นโทษเมื่อวันที่ 16 เม.ย. 64 ที่เคยเป็นผู้ที่ผ่านการตรวจพิสูจน์เกี่ยวกับยาเสพติด ที่เรือนจำชั่วคราวบ้านโคกยามู อ.ตากใบ จ.นราธิวาส โดยสำนักงานคุมประพฤติ จ.นราธิวาส นั้น เจ้าหน้าที่ได้ทราบว่ามีการหลบหนีออกมา จนสามารถติดตามควบคุมตัวได้ทั้งหมดในเวลาต่อมานั้น เนื่องจาก 1 ใน 13 คน ที่แอบหลบหนีออกมาได้ในขณะนั้น ได้มีการโทรศัพท์ไปหาเครือญาติของอาสารักษาดินแดนนายหนึ่ง เพื่อขอยืมรถ จยย.กลับบ้านที่ อ.เจาะไอร้อง แต่เครือญาติของอาสาสมัครรักษาดินแดนทราบว่าบุคคลดังกล่าวถูกกักตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสนาม จึงเกิดความสงสัยจึงได้โทรศัพท์กลับไปหาอาสาสมัครรักษาดินแดน จึงรู้ว่ามีการหลบหนีจากจากโรงพยาบาลสนาม จึงเป็นที่มาที่ไปของการค้นหาตัวผู้หลบหนีทั้ง 13 คน นำกลับมากักตัวดังกล่าว