รีเซต

วิกฤตหิมะออสเตรเลีย ยอดเขาเต็มแต่พื้นล่างว่างเปล่า

วิกฤตหิมะออสเตรเลีย ยอดเขาเต็มแต่พื้นล่างว่างเปล่า
TNN ช่อง16
24 กันยายน 2568 ( 10:00 )
3

ฤดูกาลหิมะปี 2025 ของออสเตรเลียถูกมองว่าเป็น “ปีทอง” ของสกีรีสอร์ต หลังจากสองฤดูกาลก่อนหน้านี้มีปริมาณหิมะต่ำและฤดูกาลสั้นผิดปกติ แต่เมื่อพิจารณาอย่างรอบด้าน ภาพรวมของปีนี้ไม่ได้สวยงามเท่าที่กล่าวอ้าง ความแตกต่างระหว่างพื้นที่สูงและต่ำชี้ให้เห็นชัดเจนถึงอิทธิพลของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

การประเมินฤดูกาลหิมะมักใช้ระดับความหนาสูงสุดของหิมะเป็นตัวชี้วัด ข้อมูลปี 2025 พบว่า Spencers Creek (1,830 เมตร) มีหิมะสูงสุด 220 เซนติเมตร สูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว 23 เซนติเมตร ในขณะที่ Deep Creek (1,620 เมตร) มีเพียง 57 เซนติเมตร ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเกือบครึ่ง การเปรียบเทียบระหว่าง Mt Hotham และ Mt Buller ในรัฐวิกตอเรียก็แสดงให้เห็นแนวโน้มเดียวกัน พื้นที่สูงมีหิมะเกินค่าเฉลี่ย ส่วนพื้นที่ต่ำมีหิมะต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอย่างชัดเจน ความเหลื่อมล้ำนี้สูงสุดในรอบเกือบ 70 ปี และชี้ให้เห็นว่าแม้หิมะตกหนัก แต่พื้นที่ต่ำก็ยังไม่สามารถรักษาหิมะถาวรได้

สาเหตุหลักมาจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นของออสเตรเลียราว 1.5 องศาเซลเซียสเหนือระดับก่อนอุตสาหกรรม ทำให้ปริมาณน้ำฝนเพิ่มขึ้นและหิมะละลายเร็วขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ต่ำ ช่องว่างของความหนาหิมะระหว่าง Spencers Creek และ Deep Creek ขยายจากเฉลี่ย 83 เซนติเมตรในศตวรรษที่ 20 เป็น 96 เซนติเมตรในศตวรรษที่ 21 และพื้นที่ต่ำสูญเสียหิมะมากถึง 26% ขณะที่พื้นที่สูงสูญเสียเพียง 10%

รายงานของ CSIRO คาดการณ์ต่อไปว่า ภายในปี 2050 ปริมาณหิมะสูงสุดรายปีของสกีรีสอร์ตอาจลดลง 30–90% ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การปล่อยก๊าซคาร์บอน และฤดูกาลหิมะอาจสั้นลง 20–80 วัน ทำให้สกีรีสอร์ตพื้นที่ต่ำเสี่ยงจะไม่สามารถพึ่งพาหิมะธรรมชาติได้อีกต่อไป ขณะที่พื้นที่สูงยังสามารถมีปีที่หิมะมากได้เป็นระยะ แต่ก็ต้องพึ่งพาการทำหิมะเทียมมากขึ้น

ฤดูกาลหิมะปี 2025 จึงเป็นภาพสะท้อนชัดเจนของความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความแตกต่างระหว่างพื้นที่สูงและต่ำไม่ใช่เพียงตัวเลขทางสถิติ แต่เป็นสัญญาณเตือนถึงอนาคตที่สกีรีสอร์ตของออสเตรเลียต้องเผชิญ และแสดงให้เห็นว่าแม้ปีนี้อาจดูดี แต่แนวโน้มในระยะยาวกำลังท้าทายความสามารถของภูมิประเทศในการรักษาหิมะอย่างยั่งยืน

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง