เภสัชกร รพ.สหรัฐ สารภาพจงใจทำลาย "วัคซีนโควิด" เชื่อเป็นอันตราย

วันนี้ (28 ม.ค.64) กระทรวงยุติธรรมสหรัฐเปิดเผยในแถลงการณ์ว่า นายสตีเวน แบรนเดนเบิร์ก เภสัชกรประจำโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในรัฐวิสคอนซิน ได้ยอมรับสารภาพในข้อหา 2 กระทง กรณีจงใจทำลายวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 จำนวนกว่า 500 โดสของบริษัทเวชภัณฑ์โมเดอร์นา ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุดรวม 20 ปี พร้อมยอมรับว่าเหตุที่ทำลงไป เพราะคิดว่าวัคซีนของโมเดอร์นาอันตราย และวัคซีนนานาชนิดที่ถูกคิดค้นตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันเป็นสิ่งไม่ดี ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังพบหลักฐานด้วยว่า นายแบรนเดนเบิร์กได้แสดงจุดยืนเรื่องต่อต้านวัคซีนแก่เพื่อนร่วมงานมานานแล้วกว่า 2 ปี

นายแบรนเดนเบิร์ก วัย 46 ปี เป็นเภสัชกรประจำศูนย์การแพทย์ออโรรา ในเมืองกราฟตัน รัฐวิสคอนซิน ถูกสั่งไล่ออก ถอนใบอนุญาต หลังเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมตัวในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว หลังจากใช้เวลาช่วงเข้าเวรกลางคืน แอบนำวัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัทโมเดอร์นา ออกมาจากตู้ควบคุมอุณหภูมิ และตั้งทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้องเป็นระยะเวลานาน เพื่อให้แน่ใจว่าวัคซีนเสื่อมสภาพหรือใช้งานไม่ได้ จากนั้นนำวัคซีนเก็บกลับเข้าตู้อุณหภูมิเหมือนเดิมเพื่อไม่ให้ถูกจับได้

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่า มีผู้ได้รับการฉีดวัคซีนที่เสื่อมสภาพจากการกระทำของนายแบรนเดนเบิร์กอย่างน้อย 57 คน แต่ไม่ได้เปิดเผยว่าทั้งหมดอาการเป็นอย่างไร หรือต้องเข้ารับการฉีดใหม่หรือไม่

สำหรับวัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัทโมเดอร์นา และของบริษัทไฟเซอร์ในประเทศสหรัฐ เป็นวัคซีนชนิดใหม่ที่ใช้รหัสพันธุกรรมจำลองของไวรัส และจำเป็นต้องเก็บรักษาในอุณหภูมิติดลบอย่างสม่ำเสมอจึงจะมีประสิทธิภาพ ซึ่งก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ประกาศสั่งซื้อวัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์นาเพิ่มเติมอีก 200 ล้านโดส พร้อมประเมินว่าอาจใช้เวลาหลายเดือน กว่าจะฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้อย่างครอบคลุม ขณะที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐ หรือCDC ระบุว่า มีชาวอเมริกันได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 23.5 ล้านโดส และอัตราการฉีดวัคซีนในขณะนี้อยู่ที่ 1 ล้านคนต่อวัน