"ฟิลิปปินส์" ระงับนำเข้าข้าว 60 วัน "พาณิชย์" เร่งหาตลาดชดเชย มั่นใจไม่กระทบเป้าส่งออกปีนี้

กระทรวงพาณิชย์ เร่งหาตลาดชดเชย กรณีฟิลิปปินส์สั่งระงับการนำเข้าข้าว 60 วัน
คืบหน้าจากกรณีรัฐบาลฟิลิปปินส์ประกาศสั่งระงับการนำเข้าข้าว 60 วัน (ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน – 30 ตุลาคม 2568) เพื่อบรรเทาผลกระทบจากราคาข้าวเปลือกตกต่ำในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวของเกษตรกรในประเทศ ซึ่งคำสั่งดังกล่าวฟิลิปปินส์ต้องการทำให้สถานการณ์ราคาข้าวของเกษตรกรในประเทศดีขึ้น คาดว่าราคาจะสูงขึ้นได้ประมาณ 1-2 เปโซต่อกิโลกรัม และความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจจะกระทบต่อประเทศผู้ส่งออกข้าว รวมถึงประเทศไทย
ล่าสุด นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า จากการสอบถามผู้ส่งออกข้าวไทยเกี่ยวกับผลกระทบกรณีดังกล่าว ได้รับแจ้งว่าการระงับการนำเข้าข้าวดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกเช่นกัน เนื่องจากฟิลิปปินส์เป็นตลาดข้าวของไทย โดยย้อนกลับไปในช่วง 6 เดือนของปีที่ผ่านมา ไทยมีการส่งออกข้าวไปฟิลิปปินส์ 1.4 แสนตัน คิดเป็น 3.78% ของการส่งออกข้าวทั้งหมด ซึ่งถือว่าเป็นสัดส่วนที่ไม่มากนัก ขณะที่ปีที่ผ่านมาทั้งปี 2567 ไทยส่งออกข้าวให้ฟิลิปปินส์ คิดเป็นมูลค่า 333 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 58.69% จากมูลค่าในปี 2566 ซึ่งอยู่ที่ 210,454,575.47 ดอลลาร์
อย่างไรก็ตามผลกระทบที่เกิดขึ้นครั้งนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ประเทศไทยเท่านั้น แต่บรรดาประเทศผู้ส่งออกรายอื่นต่างก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน เนื่องจากยังมีคำสั่งซื้อค้างอยู่และอาจจะส่งมอบไม่ทันก่อนวันที่ 1 กันยายน 2568 นอกจากนี้ทางกรมการค้าต่างประเทศ ได้มีการส่งข่าวที่เกี่ยวข้องไปให้ผู้ประกอบการค้าข้าวและผู้ส่งออกที่เกี่ยวข้องได้รับทราบแล้วเพื่อวางแผนรับมือในช่วงเวลาที่ฟิลิปปินส์ระงับนำเข้าข้าวทั้ง 60 วัน
นางอารดา ระบุว่า ขณะนี้ทราบจากผู้นำเข้าข้าวฟิลิปปินส์ว่าจะมีการหารือกันในกลุ่มผู้นำเข้าข้าวเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เพื่อเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของฟิลิปปินส์พิจารณาผ่อนผันการส่งมอบข้าวที่อยู่ระหว่างดำเนินการตามที่ได้มีการตกลงทำสัญญาซื้อขายกันไว้แล้วหรือขอให้ยกเลิกมาตรการดังกล่าวต่อไป
อย่างไรก็ตามกรมการค้าต่างประเทศได้เตรียมแผนส่งเสริมตลาดเพื่อผลักดันการส่งออกข้าวไทย เพื่อช่วยให้มีคำสั่งซื้อรองรับผลผลิตข้าวและสะท้อนเป็นรายได้ให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวไทย อาทิ การเจรจาขยายตลาดและกระชับความสัมพันธ์ทางการค้า เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและผลักดันการส่งออกข้าวไทยให้เพิ่มขึ้น ประกอบไปด้วย
- การผลักดันการส่งออกข้าวไทยผ่านการเร่งเจรจาตกลงซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (G to G) กับประเทศคู่สัญญา อาทิ รัฐบาลจีน (COFCO) ที่ยังเหลือตามสัญญาอีก 280,000 ตัน
- การขยายตลาดข้าวขาวและข้าวนึ่งไปยังตลาดที่มีความต้องการและมีศักยภาพอย่างบังกลาเทศ ซาอุดีอาระเบียและอิรัก
- การจัดคณะผู้แทนการค้าเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น (7 – 11 กันยายน 2568)
- การรับรองคณะผู้นำเข้าข้าวฮ่องกงเดินทางเยือนไทย (เดือนพฤศจิกายน 2568)
นอกจากนี้ส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ข้าวไทยในงานแสดงสินค้านานาชาติ เพื่อช่วยเพิ่มโอกาส และขยายช่องทางตลาดข้าวไทยไปสู่ตลาดต่างประเทศให้ การจัดงานประชุมข้าวนานาชาติ "Thailand Rice Convention" (TRC) สัญจร โดยการลงพื้นที่จัดสัมมนาให้ความรู้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวเพื่อให้ทราบถึงแนวโน้มความต้องการข้าวในตลาดโลก เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรสามารถผลิตข้าวได้ตรงกับความต้องการของตลาดมากยิ่งขึ้นในเดือนสิงหาคม
ทั้งนี้ในปี 2567 ไทยส่งออกข้าวให้ฟิลิปปินส์ คิดเป็นมูลค่า 333 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 58.69% จากมูลค่าในปี 2566 ซึ่งอยู่ที่ 210,454,575.47 ดอลลาร์ ส่วนครึ่งปีแรก 2568 (มกราคม – มิถุนายน 2568) ไทยส่งออกข้าวไปฟิลิปปินส์ปริมาณไม่มากนักประมาณ 141,000 ตัน คิดเป็นเพียง 3.78% ของปริมาณการส่งออกข้าวไทยทั้งหมด
พร้อมกันนี้อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ คาดการณ์ว่าภาพรวมการส่งออกข้าวไทยในปีนี้จะเป็นไปตามที่ได้ประเมินไว้ที่ 7.5 ล้านตัน แม้จะมีกรณีของฟิลิปปินส์เข้ามาก็ตาม
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
