รีเซต

สุดสลด! เด็กอิตาลีดับ หลังเล่นชาเลนจ์ติ๊กต็อก ทำให้ตัวเองสลบ สุดท้ายสมองตาย

สุดสลด! เด็กอิตาลีดับ หลังเล่นชาเลนจ์ติ๊กต็อก ทำให้ตัวเองสลบ สุดท้ายสมองตาย
ข่าวสด
26 มกราคม 2564 ( 15:46 )
157
สุดสลด! เด็กอิตาลีดับ หลังเล่นชาเลนจ์ติ๊กต็อก ทำให้ตัวเองสลบ สุดท้ายสมองตาย

เด็กหญิงวัย 10 ขวบในอิตาลีถูกประกาศว่าสมองตายหลังจากที่เธอพยายามทำ "Blackout Challenge" บนติ๊กต็อก โดยการรัดคอของตัวเองด้วยเข็มขัดก่อนจะหมดสติไปในที่สุด

 

เด็กหญิงถูกนำส่งโรงพยาบาลในปาแลร์โม ประเทศอิตาลี แต่เมื่อเธอมาถึงก็มีภาวะหัวใจหยุดเต้น และไม่นานหลังจากนั้นแพทย์ก็ประกาศว่าเธอมีสภาวะสมองตาย ทีมแพทย์กล่าวว่าพวกเขาพยายามทำทุกทางเท่าที่จะทำได้เพื่อพยายามช่วยชีวิตของเธอ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถช่วยชีวิตเด็กหญิงรายนี้ไว้ได้ ทั้งนี้พ่อและแม่ของเธอได้อนุญาตและยินยอมที่จะบริจาคอวัยวะของลูกสาวให้กับผู้ที่มีความต้องการหลังจากที่เธอเสียชีวิต

 

'Blackout Challenge' หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อว่า 'Passout Challenge' ได้ถูกเผยแพร่ครั้งแรกบนแพลตฟอร์มติ๊กต็อกในช่วงปีที่แล้ว ปัจจุบันชาเลนจ์นี้เป็นอีกหนึ่งในความท้าทายที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในติ๊กต็อก โดยชาเลนจ์นี้จะต้องอัดวิดีโอตอนที่ทำตัวเองให้สลบไปในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ก่อนที่จะนำคลิปนั้นมาโพสต์ลงในแพลตฟอร์ม

 

 

ทั้งนี้การเสียชีวิตของเด็กหญิงรายนี้ได้กระตุ้นให้สังคมในอิตาลีเกิดความตระหนัก และเรียกร้องให้มีการควบคุมเครือข่ายสงคมออนไลน์ให้เข้มงวดขึ้น อย่างไรก็ตามหน่วยงานคุ้มครองข้อมูลของอิตาลี ได้ทำการบล็อกผู้ใช้ติ๊กต็อกที่ไม่สามารถยืนยันอายุได้ โดยทางหน่วยงานคุ้มครองข้อมูลของอิตาลีกล่าวว่าติ๊กต็อกระบบลงทะเบียนที่ง่ายเกินไป เพียงแค่ใช้วันเกิดปลอมก็สามารถลงทะเบียนได้แล้ว

และยังกล่าวอีกว่าติ๊กต็อก ได้ละเมิดกฎหมายของอิตาลี ที่ระบุว่าเด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี ที่จะใช้เครือข่ายโซเชียล จำเป็นต้องได้รับการยินยอมจากผู้ปกครองเสียก่อน โดยทางหน่วยงานยังได้คัดค้านนโยบายข้อมูลของติ๊กต็อกที่ไม่ได้ระบุคำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงและข้อมูลอื่น ๆ สำหรับเด็ก

 

 

สำหรับการบล็อกจะมีผลไปจนถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ โดยจะให้เวลาแก่ติ๊กต็อกเพื่อทำตามความต้องการของหน่วยงานคุ้มครองข้อมูลของอิตาลี ทั้งนี้ทางโฆษกของติ๊กต็อกไม่ได้ยืนยันว่าจะทำตามข้อเรียกร้องของอิตาลีหรือไม่ แต่ตัวแทนได้ยืนยันถึงความสำคัญด้านความปลอดภัยเป็นหลัก ซึ่งภายในแอพจะไม่อนุญาตให้มีเนื้อหาที่ "ส่งเสริมหรือยกย่องพฤติกรรมที่เป็นอันตราย"

 

ที่มา : dailymail

ข่าวที่เกี่ยวข้อง