อเมริกาติดโควิดทะลุล้านในวันเดียว ป่วยเข้าโรงพยาบาลทะลุแสน
สำนักข่าว TIME และ Bloomberg รายงานว่า มีชาวอเมริกันตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 มากถึง 1 ล้านคน เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นับเป็นคลื่น "สึนามิ" ของเชื้อ "โอมิครอน" ที่กำลังกระหน่ำเข้าสู่การใช้ชีวิตประจำวันของชาวอเมริกันทุกคน
นับเป็นการติดเชื้อจำนวนมากที่สุดนับตั้งแต่มีรายงานการระบาดของโควิด-19 เมื่อราว 2 ปีที่ผ่านมา
ตัวเลขผู้ติดเชื้อ 1 ล้านคน สูงขึ้นเกือบครึ่งหนึ่งของสถิติก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม หรือเมื่อ 4 วันก่อน ที่ราว 590,000 คน ซึ่งก็นับว่าเป็นตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นถึงครึ่งหนึ่งจากสัปดาห์ก่อนหน้าแล้ว
และนับเป็นจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันที่มากกว่าประเทศอื่น ๆ รวมกันถึง เกือบ 2 เท่าตัว
---ตัวเลขแท้จริงอาจสูงกว่านี้---
ทั้งนี้ ยังคงมีชาวอเมริกันอีกจำนวนมากที่ทำการตรวจเชื้อจากที่บ้าน และยังไม่ได้มีการรายงานผลไปยังเจ้าหน้าที่รัฐบาล นั่นหมายความว่า อาจเกิดตัวเลขผู้ติดเชื้อที่สูงกว่าที่รายงานก็เป็นได้ ตลอดจนผลของการท่องเที่ยวช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ อาจทำให้ตัวเลขสูงกว่านี้มากขึ้นอีก
ด้วยจำนวนของผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น ทำให้สายการบินต้องยกเลิกเที่ยวบินนับพันเที่ยว, ปิดโรงเรียน, ปิดสถานที่ทำงาน, กระทบต่อห่วงโซ่การผลิด ขณะที่โรงพยาบาลเริ่มมีจำนวนผู้ป่วยกลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง
---สหรัฐฯ มีผู้ป่วยโควิดในโรงพยาบาลทะลุ 1 แสนคน---
กระทรวงสาธารณสุขสหรัฐฯ เปิดเผยยอดผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาลในสหรัฐฯ เพิ่มเป็นกว่า 103,000 คน เป็นครั้งแรกที่ตัวเลขแตะ 6 หลักในรอบเกือบ 4 เดือน
สถิติก่อนหน้านี้ ที่มีผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลสูงที่สุดคือกว่า 142,000 คน เมื่อ 14 มกราคม 2021 และครั้งสุดท้ายที่แตะหลักแสนคือ 11 กันยายน ก่อนที่จะตกลงเหลือเพียงราว 45,000 คน เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน และเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่นั้นมา
ไม่เพียงเท่านี้ พบว่าหลายรัฐรายงานพบ "เด็ก" ป่วยเข้าโรงพยาบาลจากโควิด-19 มากขึ้น อาทิ อิลลินอยส์ และนิวเจอร์ซี
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ หรือ CDC เปิดเผยว่า ผู้รักษาตัวในโรงพยาบาลส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน มากกว่าคนฉีดวัคซีนแล้วกว่า 8 เท่าตัว และกลุ่มเด็กอายุระหว่าง 12-17 ปีที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนราว 10 เท่า
แม้จะมีงานวิจัยหลายฉบับที่ระบุว่า ไวรัส "โอมิครอน" แพร่เร็ว แต่ไม่ร้ายแรงมากนัก แต่ดร.ปีเตอร์ โฮเตส หัวหน้าสถาบันการแพทย์ฤดูร้อนแห่งวิทยาลัยการแพทย์เบย์เลอร์ ระบุว่า
"สิ่งที่น่ากังวลอย่างยิ่งสำหรับสถานการณ์โอมิครอนคือ เรายังฉีดวัคซีนให้กลุ่มเด็ก ๆ ทั่วประเทศได้น้อยมาก ดังนั้น แม้โอมิครอนจะรุนแรงน้อยกว่าแต่เมื่อมีกลุ่มคนไม่ฉีดวัคซีนติดเชื้อเป็นจำนวนมาก สถานการณ์ก็สุดจะเลวร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเด็ก ๆ"
---ปิดโรงเรียน-คุมเข้มเพิ่มเติม---
สถานการณ์เช่นนี้ ทำให้โรงเรียนในหลายรัฐต้องกลับมาสอนออนไลน์กันอีกครั้ง หรือบางแห่งต้องประกาศมาตรการคุมเข้ม เพิ่มเติม เช่น โรงเรียนในนิวออลีนส์ มีนโยบายให้เด็กทุกคนที่อายุ 5 ปีขึ้นไป ต้องฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19
โรงเรียนบางแห่งในเขตไมอามี ฟลอริดา บังคับให้ผู้ใหญ่ทุกคนที่เข้าอาคารต้องสวมหน้ากากอนามัย และขอให้เด็ก ๆ สวมหน้ากากฯด้วยเช่นกัน ส่วนโรงเรียนในลอสแองเจลิส ต้องขอให้เด็กมีผลตรวจเชื้อเป็นลบ ก่อนกลับเข้าเรียนได้อีกครั้ง
องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ หรือ FDA ได้อนุมัติการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้เด็ก ๆ ในวัย 12-15 ปีแล้ว โดยเริ่มเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา แต่พบว่าปัจจุบันมีเด็กวัยนี้ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มเพียงราว 50% เท่านั้น
—————
แปล-เรียบเรียง: ภัทร จินตนะกุล
ภาพ: CHANDAN KHANNA / AFP