รีเซต

มาแรง! "ละครสั้นแนวตั้ง" แผ่อิทธิพลทั่วโลกโตพุ่ง 3 เท่า

มาแรง! "ละครสั้นแนวตั้ง" แผ่อิทธิพลทั่วโลกโตพุ่ง 3 เท่า
TNN ช่อง16
11 พฤศจิกายน 2568 ( 16:45 )
6

ขณะนี้ภาคธุรกิจหลายแห่งจากวงการต่าง ๆ ทั่วโลก กำลังมองหาแนวทางเพื่อเข้าสู่ธุรกิจ micro dramas หรือ ละครสั้นแนวตั้ง เนื่องจากกลายเป็นกระแสหลักในด้านความบันเทิงของผู้คน ในยุคที่มีสมาร์ตโฟนกลายเป็นปัจจัยที่ 5 ไปแล้ว มีคาดการณ์ตัวเลขจาก Owl & Co บริษัทที่ปรึกษาด้านสตรีมมิง และสื่อดิจิทัล ประเมินรายได้แอปละครสั้นทั่วโลก (ไม่รวมจีน) คาดว่าปีนี้ จะมีรายได้แตะอยู่ที่ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นการเติบโตถึง 3 เท่าจากคาดการณ์ปีที่แล้ว 

ตัวเลขดังกล่าว แม้จะยังห่างไกลจากยักษ์ใหญ่อย่าง Netflix หรือ YouTube แต่เป็นตลาดใหม่ที่กำลังเติบโต สามารถสร้างรายได้ ได้จริง และท้าทายบรรดายักษ์ใหญ่สตรีมมิง มากขึ้น

ส่วนตลาดละครสั้นแนวตั้งในจีน มีการเติบโตอย่างมาก และกำลังขยายอิทธิพล ท้าทายอุตสาหกรรมบันเทิงของสหรัฐฯ เห็นได้จากตัวเลขของสมาคมผู้ให้บริการเครือข่ายโทรทัศน์แห่งประเทศจีน เผยว่า ปี 2024 อุตสาหกรรมนี้ทำรายได้แซงหน้ารายได้บ็อกซ์ออฟฟิศของประเทศ เป็นครั้งแรก โดยมีมูลค่าราว 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ขณะที่ ละครสั้นในวงการบันเทิงสหรัฐฯ เอง ถูกยอมรับจากออสการ์ ตั้งแต่ปี 1932 และถูกเพิ่มเข้าใน เอ็มมี อะวอร์ด เมื่อปี 2011 แต่มักจะถูกมองข้าม เพราะสื่อดั้งเดิมมองว่าเป็นตลาดเฉพาะกลุ่มมากเกินไป สั้นเกินไป และมีต้นทุนสูงเกินกว่าจะทำรายได้ ในวงกว้าง แต่ปัจจุบันกำลังเปลี่ยนไป จากปัจจัย 3 ประการที่เกิดขึ้น ซึ่งผลักดันให้มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด นั่นคือ การครองพื้นที่ของการรับชมผ่านมือถือ ซึ่งผู้ชมคุ้นเคยกับรูปแบบสั้น กระชับ และดูง่าย

อีกปัจจัย คือการผลิตละครในปัจจุบัน มีข้อจำกัด และมีต้นทุนสูง ผลักดันให้ผู้สร้างหันไปทดลองรูปแบบที่ประหยัดมากกว่า ใช้เวลาถ่ายทำสั้นลง และใช้งบประมาณน้อยลง

และสุดท้ายคือ แพลตฟอร์มสตรีมมิงรายใหญ่ ในปัจจุบันไม่ได้แข่งขันกันเอง อีกต่อไปแล้ว แต่ต้องแย่งความสนใจและเม็ดเงินโฆษณากับ โซเชียล มีเดีย อย่าง TikTok, Instagram และ Youtube จึงไม่อาจเมินเฉยต่อช่องทางใหม่ที่กำลังเติบโตนี้ 

รายงานจาก Owl & Co ระบุด้วยว่า แอปละครสั้นชั้นนำประมาณ 20 แอป มีผู้ใช้งานรวมกันกว่า 250 ล้านคนต่อเดือน โดยมี ReelShort และ DramaBox เป็นผู้นำตลาด แต่ยังมีแอปอีกกว่า 200 รายที่ลงสนาม เพื่อหวังแจ้งเกิดด้วยคอนเทนต์โดนใจ

อย่างไรก็ตาม ละคร ที่จะได้รับความนิยมอย่างมากนั้น จะมีไม่กี่เรื่อง แต่เมื่อดังแล้วก็จะปังแบบถล่มทลายได้เลย คือหากดังเพียงแค่เรื่องเดียว ก็อาจแจ้งเกิดได้ และพลิกทำรายได้เป็นหลักล้านดอลลาร์ ขณะที่ส่วนใหญ่ที่ตามไม่ทันก็จะค่อย ๆ หายไป ได้เช่นกัน 

ด้วยแรงดึงดูดดังกล่าวทำให้ภาคธุรกิจจากหลากหลายวงการ รวมถึงวงการฮอลลีวูด กำลังลงทุนและสร้างรายได้ผ่านรูปแบบต่าง ๆ จากธุรกิจนี้

บิซิเนส อินไซเดอร์ รายงานว่า ละครสั้นแนวตั้ง กำลังทำให้ฮอลลีวูดแบบดั้งเดิมไม่สามารถมองข้ามได้ อีกต่อไป ทำให้ผู้เล่นรายใหญ่ ตั้งแต่ ดิสนีย์ ไปจนถึง ฟ็อกซ์ และรายอื่น ๆ ต่างก็กระโจนเพื่อเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย

โดย ดิสนีย์ ได้ลงทุนในธุรกิจนี้ ด้วยการมอบพื้นที่ให้กับแอปละครสั้นชื่อดัง DramaBox ได้เข้าร่วมในโปรแกรมเร่งการเติบโต ที่คัดเลือกอย่างเข้มงวด ซึ่งเคยมีสมาชิกสตาร์ทอัพด้านการโคลนเสียง เช่น ElevenLabs และบริษัทเกมชื่อดัง Epic Games เข้าร่วมมาก่อน

ส่วน ฟ็อกซ์ เอนเตอร์เทนเมนต์ ได้ลงทุนในบริษัท Holywater จากยูเครน ซึ่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลังแอปละครสั้น My Drama โดยมองว่ารูปแบบนี้มีศักยภาพในการทดลองไอเดียสำหรับรายการใหม่ ๆ รวมถึงต่อยอดคอนเทนต์เดิมที่มีอยู่ และปัจจุบัน กำลังผลิตซีรีส์แนวตั้งแบบมีบท เพื่อเผยแพร่บน My Drama และอาจขยายไปยังแพลตฟอร์มอื่น ๆ อีกด้วย

ด้าน Bill Block อดีตซีอีโอของ Miramax ระดมทุนได้ 14 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากนักลงทุนชื่อดังอย่าง Alexis Ohanian, Kris Jenner, Kim Kardashian และรายอื่น ๆ เพื่อเปิดตัวแอปชื่อ GammaTime ซึ่งเขาเรียกว่าเป็น เน็ตฟลิกซ์ สำหรับการเล่าเรื่องสั้นพรีเมียม โดยแอปเปิดตัวพร้อมคอนเทนต์แนวตั้งกว่า 20 เรื่อง ครอบคลุมทั้งแนวระทึกขวัญ โรแมนซ์ และอาชญากรรม

TelevisaUnivision บริษัทสื่อภาษาสเปน ก็กำลังมุ่งเน้นอย่างมากไปที่การสร้าง ละครแนว เทเลโนเวลลา แนวตั้ง ซึ่งเป็นละครสั้นแนวชีวิต ดราม่าเข้มข้น เพื่อเผยแพร่บน ViX ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสตรีมมิงของบริษัทฯ เอง

นอกจากนี้ Paramount Skydance และ รีลชอร์ต กำลังหาวิธีการสร้างสรรค์ร่วมกัน โดย Paramount Pictures ร่วมมือกับ รีลชอร์ต เพื่อโปรโมตภาพยนตร์เรื่อง "Regretting You" ในแอป ก่อนเปิดตัวในวันที่ 24 ตุลาคม ซึ่งทำให้ผู้ใช้แอปสามารถดูตัวอย่างภาพยนตร์ และอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาพยนตร์ได้

สตูดิโอผลิตสื่อและภาพยนตร์ อย่าง Lionsgate และ Hallmark ก็มีรายงานว่ากำลังสำรวจรูปแบบธุรกิจนี้อยู่ 

ไม่เว้นแม้แต่บริษัทเทคโนโลยี และโฆษณา ก็กำลังเข้าสู่สนามนี้เช่นกัน โดย อินสตาแกรม ของ เมตะ กำลังทดสอบรูปแบบละครสั้น ในอินเดียผ่านซีรีส์เรื่องหนึ่งอยู่ ขณะที่ Tiktok ซึ่งถูกใช้เป็นช่องทางการตลาดของละครสั้น อย่างแพร่หลาย ก็ได้เสนอแนวคิดให้บริษัทต่าง ๆ อัปโหลดภาพยนตร์ทั้งเรื่องลงในแอปของตน

และบริษัทโฆษณายักษ์ใหญ่อย่าง Dentsu ก็ได้ลงทุนใน Emole บริษัทญี่ปุ่นผู้พัฒนาแอปละครสั้นชื่อ Bump ผ่าน Dentsu Ventures 

ตามรายงานของนักวิเคราะห์จาก Bernstein ระบุว่า ฮอลลีวูด กำลังสูญเสียพื้นที่ให้กับ Youtube และ แอปโซเชียลมีเดีย มากขึ้น ขณะที่ผู้ใช้มือถือ ใช้เวลาในแต่ละวันบน DramaBox มากกว่าบน Peacock ของ Comcast และมากกว่า HBO Max ของ Warner Bros. Discovery อีกด้วย 

สำหรับในประเทศจีน ที่ละครสั้นแนวตั้ง เติบโตเป็นอย่างมาก ขณะนี้กำลังมีพัฒนาการไปอีกขั้น คือการผลิตละครสั้นแนวตั้งด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) 

สำนักข่าว เอเอฟพี รายงานว่า ละครสั้นเรื่อง กระจกแปลกแห่งขุนเขาและท้องทะเล (Strange Mirror of Mountains and Seas) ซึ่งเป็นเรื่องราวที่อัดแน่นไปด้วยสัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายมังกร มีตัวเอกสุดหล่อ และเนื้อหาเต็มไปด้วยดราม่า รวมถึงมีตัวแสดงที่เป็นมนุษย์เหมือนจริง แต่ทั้งหมดนี้สร้างขึ้นด้วย เอไอ

ละครเรื่องนี้ มียอดผู้ชมมากกว่า 50 ล้านครั้ง จึงเป็นหนึ่งในละครสั้นที่สร้างด้วย เอไอ ที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ 

ปัจจุบันผู้ผลิตละครสั้นกำลังนำ เอไอ มาใช้มากขึ้นเพื่อทดแทนนักแสดงและนักเขียนบท ซึ่งกำลังก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการตกงานและการละเมิดลิขสิทธิ์ และได้สร้างความกังวลให้กับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ทั่วโลก

แต่สำหรับมุมมองของ Chen Kun ผู้สร้างซีรีส์เรื่องดังกล่าว บอกว่า ละครสั้นแนวตั้ง เป็นรูปแบบที่เหมาะสมที่สุดกับการใช้ เอไอ เพราะโดยทั่วไป ผู้ชมมักจะดูผ่านหน้าจอโทรศัพท์ ขณะเดินทางหรือระหว่างการทำงาน จึงไม่ทันสังเกตเห็นความไม่สมจริง หรือความผิดพลาดของภาพ ที่เกิดจาก เอไอ อย่างไรก็ดี การใช้เอไอ ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นพัฒนาเท่านั้น

โดย เฉิน ใช้ เอไอ หลายแพลตฟอร์มสำหรับการผลิตซีรีส์ รวมถึง ChatGPT สำหรับบทภาพยนตร์, Midjourney เพื่อสร้างภาพนิ่ง, Kling ของจีนเพื่อเปลี่ยนภาพเป็นวิดีโอ และ Suno สำหรับเพลงประกอบ โดยมีเพียงการตัดต่อและเสียงพากย์เท่านั้นที่มนุษย์เป็นผู้ทำ 

ด้าน Odet Abadia อาจารย์จาก โรงเรียนภาพยนตร์เซี่ยงไฮ้ แวนคูเวอร์ (Shanghai Vancouver Film School) กล่าวว่า เอไอ ช่วยให้การสร้างภาพยนต์ทำได้เร็ว ถูกและง่ายมากขึ้น ซึ่งเธอสอนนักเรียนใช้ เอไอ ทุกขั้นตอน ตั้งแต่การสร้างภาพ สร้างเรื่อง ไปจนถึงการออกแบบผู้ช่วยเสมือนจริง 

แต่ก็ยังเน้นให้ทุกคนฝึกทำหนังกับคนจริง ๆ เพราะมองว่าเทคโนโลยีควรใช้เป็นแค่เครื่องมือ ไม่ใช่สิ่งที่จะมาทดแทนมนุษย์

อย่างไรก็ดี ในวงการฮอลลีวูด การที่สตูดิโอ ใช้ เอไอ ได้กลายเป็นประเด็นสำคัญทำให้นักเขียนบทและนักแสดงประท้วงหยุดงานเมื่อปี 2023 และล่าสุด การเปิดตัวนักแสดงหญิง เอไอ ที่ชื่อ Tilly Norwood ก็ได้ก่อให้เกิดกระแสต่อต้านอย่างรุนแรงในปีนี้

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง