อังกฤษและ EU จับมือแก้ปัญหาพิพาทแย่งวัคซีน AstraZeneca จนส่งยุโรปช้า

สหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรป หรือ EU แถลงในวันพุธ (24มีนาคม) ว่า กำลังร่วมมือกันปรับปรุงความสัมพันธ์ หลังขัดแย้งกันนานต่อเนื่องหลายสัปดาห์ จากกรณีการจัดส่งวัคซีนต้านโควิด-19 โดยเฉพาะวัคซีนของแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) โดยในแถลงการณ์ร่วม พวกเขาบอกว่า ต้องการ “สร้างสถานการณ์ที่ต่างฝ่ายต่างสมประโยชน์” และขยายการจัดส่งและแจกจ่ายวัคซีนให้ทั่วถึง

ก่อนหน้านี้ กรรมาธิการยุโรป หรือ EC เสนอให้ควบคุมการส่งออกวัคซีนโควิดให้เข้มงวดมากขึ้น ท่ามกลางความตึงเครียดกรณีการจัดส่งวัคซีน Oxford/AstraZeneca ซึ่งส่งให้ EU ไม่ได้ตามเป้าหมายที่ตกลงกันไว้

นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของสหราชอาณาจักรเตือนว่า 'การกีดกัน' ไม่ใช่เรื่อง 'ฉลาด'

แถลงการณ์ของสหราชอาณาจักรและ EU ระบุว่า การเปิดกว้างและความร่วมมือกัน จะเป็นกุญแจสำคัญเพื่อจัดการกับการระบาดของโควิด 
แถลงการณ์บอกด้วยว่า ทุกฝ่ายกำลังเผชิญหน้ากับการระบาดใหญ่ของไวรัสร้ายและการระบาดรอบสามเช่นเดียวกัน การหันมาร่วมมือกันระหว่าง EU และสหราชอาณาจักรเป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่า 

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเช้าวันพุธ ทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยกรรมาธิการยุโรป ประกาศว่า แผนการจัดส่งวัคซีนทั้งหมดต้องผ่านการประเมินอัตราการฉีดวัคซีนและการส่งออกของประเทศปลายทาง 

ข้อเสนอเหล่านี้จะมีการหารือกัน ก่อนที่จะนำเสนอต่อผู้นำ EU ในวันพฤหัสบดี โดยถูกมองว่า พุ่งเป้าไปที่สหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ โดยเฉพาะ แน่นอนว่า การควบคุมการส่งออกวัคซีน จะส่งผลกระทบต่อสหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ ซึ่งมีอัตราการฉีดวัคซีนสูงกว่า EU

ก่อนหน้านี้ ท่ามกลางความไม่พอใจต่อบริษัท AstraZeneca ที่ลุกลามทั่วยุโรป โฆษกรัฐบาลฝรั่งเศส แถลงว่า ความล้มเหลวของบริษัท AstraZeneca ในการจัดส่งวัคซีนตามข้อตกลง เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้อย่างสิ้นเชิง 

ส่วนในอิตาลี เจ้าหน้าที่ตำรวจถึงกับบุกโรงงานแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นสถานที่ผลิตวัคซีนโควิด 29 ล้านโดสของ AstraZeneca ในช่วงสุดสัปดาห์ เพื่อรับประกันว่า ทุกสิ่งทุกอย่างจะอยู่ในร่องในรอย 

ขณะเดียวกัน ในเยอรมนี นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล กลับลำและยกเลิกแผนล็อกดาวน์ 5 วันในช่วงเทศกาลอีสเตอร์ หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง โดยเธอกล่าวว่า ความผิดพลาดนี้เป็นความผิดพลาดของเธอคนเดียว

ประเทศสมาชิก EU กำลังพยายามเร่งโครงการฉีดวัคซีนหลังเริ่มต้นด้วยความล่าช้า โดยนายกรัฐมนตรีอิตาลี กล่าวว่า เขาต้องการเพิ่มอัตราการฉีดวัคซีนในประเทศ จากวันละ 170,000 โดส เป็น 500,000 โดส ขณะที่ สมาชิก 19 ชาติของ EU ซึ่งรวมทั้งโปแลนด์, สเปนและฝรั่งเศส จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดกลับมาพุ่งสูงทำสถิติอีกครั้ง